อารัมภบท (พี่ออย & น้องภาม)
เพล้ง!
“ภาม! ไอ้ภาม!!” เสียงของตกแตกตามด้วยเสียงทุ้มตะโกนเรียกชื่อ
ทำเอาผมที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนถึงกับสะดุ้งตกใจเฮือก “มึงไม่ได้ยินที่กูเรียกหรือไงวะไอ้ภาม!!”
“ได้ยินแล้วจ้ะ ได้ยินแล้ว!” ผมตะโกนบอก ในมือปล่อยหนังสือลงบนพื้นหญ้าก่อนจะลุกขึ้นวิ่งกะเผลกเข้าไปในห้องครัว
ครั้นพอเข้าไปแล้วก็เห็นร่างสูงของพ่อยืนตีหน้ายักษ์เหี้ยม
“มัวทำซากอะไรอยู่
ทำไมไม่ทำอาหารให้พวกกูกิน!”
“หนูกำลังอ่านหนังสือเรียนอยู่จ้ะพ่อ”
ผมก้มหน้าพูด ไม่อยากเห็นสีหน้าคุณพ่อเลยครับ น่ากลัวอย่างกะอะไรดี “เดี๋ยวหนูจะทำให้…”
“ไม่ต้อง! จะไปไหนก็ไปไป๊!!”
“จ้ะพ่อ” ผมตอบและกำลังจะหมุนตัวเดินกลับออกไปข้างนอกเพื่ออ่านหนังสือต่อ
“เดี๋ยว!”
“จ้ะพ่อ? เรียกหนูทำไมเหรอจ๊ะ” ผมหมุนตัวกลับแต่กลับโดนอีกฝ่ายตบแก้มขวาอย่างแรง
เพียะ!
!!!!!!!
“จ้ะเจ๊อะบ้านมึงดิ ใครสั่งใครสอนให้มึงพูดแบบนั้น
ลูกผู้ชายต้องพูดครับสิวะ!”
“แต่คุณน้าข้างบ้านบอกว่า...” ผมพูดยังไม่ทันจบ
ก็ต้องรีบหุบปากเพราะอีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามาตบหน้าผมอีกครั้ง “...ก็ได้ครับคุณพ่อ หนูจะไม่พูด...”
เพียะ!
!!!!!!!
“ใครสั่งใครสอนให้มึงพูดแทนตัวเองว่าหนูห๊ะ!”
คราวนี้ผมโดนตบที่แก้มซ้ายครับ เจ็บจังเลย ใครก็ได้ช่วยผมด้วย “จะไปไหนก็ไป!
กูเบื่อที่จะฟังมึงพูดแล้วไอ้เหี้ย!”
“ครับคุณพ่อ”
แล้วผมก็เดินออกไปโดยมือยังคงกุมแก้มที่โดนตบ
ซึ่งมันไม่ได้เจ็บแค่ภายนอกเพียงอย่างเดียว ผมยังรู้สึกเจ็บถึงข้างในจิตใจ มันฝังลึกอยู่นานจนยากที่จะลืมเลือน
ตั้งแต่จำความได้คุณพ่อไม่เคยใจร้ายกับผมแบบนี้หรอกครับ
แต่พอเจออุบัติเหตุรถชนในตอนเด็กจนผมต้องเสียขาซ้ายไปข้างนั้น
ทำเอาความสัมพันธ์ในครอบครัวก็พลันเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ไม่เพียงแค่คุณพ่อที่เกลียดผมเท่านั้น ยังมีคุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย
และก็ทุกคนที่เป็นญาติพลอยเกลียดผมไปด้วย
“เพราะมึงคนเดียวไอ้ภาม
ถ้ามึงไม่พาภูมิไปด้วย ภูมิก็คงไม่ตาย!”
“ทำไมคนที่ตายไม่เป็นมึงห๊ะไอ้ภาม
ทำไมไม่เป็นมึง!”
“มึงไม่ใช่ลูกกู กูเกลียดมึง!”
และคำด่าทออีกมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว แต่ผมก็ยังทนเรื่อยมาไม่มีบ่น
หลังจากเดินออกมาแล้วผมก็เดินออกมานอกรั้วบ้านอย่างเงียบๆ
ก่อนจะหยุดเดินแล้วนั่งลงกอดเข่าที่ข้างริมธารของหมู่บ้าน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเดินออกมานอกบ้านแล้วมานั่งที่นี่
แต่หลายครั้งแล้วที่ผมทะเลาะกับคนในบ้านแล้วหนีออกมาที่นี่ ตอนออกมาใหม่ๆ
ผมโดนทั้งพ่อทั้งแม่ตบเพราะพวกท่านที่คิดว่าผมจะฆ่าตัวตาย
(คนแถวบ้านมาบอกพวกท่านนะครับ) แต่จริงแล้วไม่ใช่ครับ ผมแค่ยืนร้องไห้เฉยๆ
ไม่ได้คิดฆ่าตัวตายเลยซักนิด
“กูอายชาวบ้าน
ฉะนั้นแกห้ามคิดฆ่าตัวตายอีกล่ะ!”
บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย
“คิดอะไรอยู่คนเดียวครับน้องภาม” อยู่ๆก็มีเสียงทุ้มดังขึ้นบนหัว
ทำเอาผมเงยหน้าขึ้นก่อนจะเห็นใบหน้าคมแลดูอ่อนโยนกำลังก้มหน้าส่งยิ้มมาให้ผม
ซึ่งคนพูดอยู่นี้ไม่ใช่ใครนอกเสียจากพี่ออย
พี่ชายข้างบ้านที่ผมเคยเล่นด้วยตั้งแต่เล็ก “แล้วนี่ทานข้าวเช้าหรือยังเอ่ย”
พี่ออยใจดีจัง
“ทานแล้วฮะพี่ออย” ผมไม่อยากให้พี่ออยเป็นห่วงจึงพูดโกหกไป
แต่ดูเหมือนไม่สำเร็จนะครับ
เพราะอีกฝ่ายเล่นเดินลงมานั่งข้างกายผมก่อนจะเอาสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านหลังออกมา
ซึ่งเป็นข้าวปิ่นโตสี่ชั้นครับ “โธ่พี่ออย หนูบอกแล้วไงว่า...”
“อย่ามาโกหกพี่ พี่รู้หรอกนะว่าเรายังไม่ได้ทานข้าวเช้า”
อีกฝ่ายบอกพูดเสียงดุใส่ ก่อนจะแกะปิ่นโตออกมาวางบนพื้นด้านหน้าที่ผมนั่งอยู่
เผยให้เห็นกับข้าวหลายอย่างส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ “มามะ มานั่งทานกับพี่ดีกว่า
ดูสิวันนี้พี่อุตส่าห์ตื่นแต่เช้าทำอาหารให้เราทานเองกับมือ เชิญทานได้ตามสบายเลยนะ
ไม่ต้องเกรงใจ”
“แต่...”
“แต่อะไรครับน้องภาม หรือน้องอยากจะให้พี่ป้อนล่ะหืม?” ไม่พูดเปล่าเพียงอย่างเดียว
ยังก้มหน้ามาใกล้ผมซะชิดจนหน้าผมแทบร้อนผ่าวไปหมดแล้วครับ “ฮะๆ
พี่ล้อหนูเล่นนะ รีบทานเถอะ เดี๋ยวมันหายร้อนแล้วจะไม่อร่อยนะ”
“ฮะพี่ออย” ผมตอบก่อนจะหยิบช้อนตักอาหารเข้าปาก
เนื่องจากถูกตบที่แก้ม ทำให้การเคี้ยวอาหารเป็นอะไรที่ยากเหลือเกิน
แต่ในขณะที่ผมกำลังเคี้ยวอาหารอยู่นั้น มือหนาก็เข้ามาลูบแก้มผมเบาๆ
แน่นอนครับว่าทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง เพราะมันยังเจ็บแก้มอยู่นี่ครับ
(โดนตบมาหมาดๆเอง)
“เจ็บมากหรือเปล่า” ร่างหนาถามด้วยความเป็นห่วง
เพราะเขารู้ดีว่าผมมักจะโดนคุณพ่อคุณแม่ตบตีร่างกายประจำ
ก็เล่นส่งเสียงซะดังขนาดนั้น แถมบ้านพี่ออยก็อยู่ติดกับบ้านของผมด้วย
มีหรือที่จะไม่ได้ยินนะครับ ซึ่งผมได้แต่ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ “ปากแข็ง เจ็บก็บอกว่าเจ็บเถอะ”
“หนูชินแล้วฮะพี่ออย” ชินแล้วฮะ
โดนตบประจำ ถ้าวันไหนไม่โดนนี่ก็มหัศจรรย์มากแล้วครับ
“แต่พี่ไม่ชอบ” นั่นสินะ
ใครจะไปชอบ ถ้าเป็นผม
ผมก็คงทนไม่ได้ที่เห็นคนที่ตัวเองรู้จักโดนพ่อแม่ทำร้ายร่างกายได้ทุกวัน “เอางี้ ภามย้ายมาอยู่กับพี่ไหมล่ะ”
!!!!!!!
“พี่ออยพูดล้อหนูเล่นหรือฮะ” ผมถามกลับไปอย่างขำๆ เพราะเขามักจะพูดหยอกล้อผมเล่นเสมอ
“พี่ไม่ได้พูดล้อเล่น พี่พูดจริง” ร่างหนาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ก่อนจะจับมือผมขึ้นไปแนบกับริมฝีปากของตัวเอง “พี่ทนไม่ได้ที่เห็นภามเจ็บ
ทนไม่ได้ที่เห็นภามโดนทำร้ายร่างกายทุกวัน เพราะฉะนั้น…”
“เพราะฉะนั้น?”
“มาเป็นแฟนกับพี่เถอะนะภาม”
!!!!!!!
ปล.เปลี่ยนเนื้อเรื่องนิดหน่อยจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น