วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ตอนที่ 46 พวงมาลัยดอกมะลิ

ตอนที่ 46 พวงมาลัยดอกมะลิ

ไม่เป็นไรหรอกน่าเรน ตาแก่ เอ๊ย คุณพ่อก็ปากแข็งไปแบบนั้นเอง ความจริงเป็นคนขี้อายด้วยซ้ำ
ดี ลูกพูดถึงคุณพ่อแบบนั้นได้ยังไงกันนะเรา เฮ้อ คุณแม่พี่ซีพูดพลางถอนหายใจ ตอนนี้พวกผมนั่งทานสุกี้กันครับ จะว่าไปสุกี้อร่อยใช้ได้เลย ลูกทำอาหารเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่จ้ะเรน
ตอนมอสามครับคุณแม่ อ๊ะ ขอบคุณครับพี่ซี ผมพูดขอบคุณพี่ซีที่ตักเนื้อมาให้ผม
คุณแม่เป็นคนสอนใช่ไหมจ้ะผมพยักหน้าตอบครับ แหม รสชาติยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน แบบนี้แสดงว่าสอนให้กับมือโดยตรง
ผมจะถามอยู่นานแล้ว คุณแม่กับคุณแม่ของผมรู้จักกันนานตั้งแต่เรียนสมัยมัธยมแล้วเหรอฮะ
ใช่แล้วจ้ะ จะเรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทก็ยังได้คุณแม่พี่ซียิ้มตอบ ความจริงพ่อกับแม่แล้วก็พ่อกับแม่ของลูกเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน ตอนนั้นพ่อของหนูเข้ามาจีบแม่โดยใช้แม่ของหนูมาเป็นแม่สื่อ แต่ไม่รู้เป็นไงมาไง สองคนนั้นดันไปชอบกันเองเฉย
แล้วคุณพ่อละคะคุณแม่ คุณแม่กับคุณพ่อคบกันตอนไหนเหรอ ดีถามต่ออย่างสงสัย
อืม ตอนไหนนะเหรอคุณแม่พี่ซีมุ่นคิ้วก่อนจะร้องอ้อ อ้อ ตอนที่พ่อของลูกเรนมาจีบแม่ แต่ตานั่นแอบมาแขวะแม่ว่าแรด ซึ่งแม่ก็ไม่เข้าใจว่าแม่แรดตรงไหน แม่ก็เลยเถียงพ่อกลับไปว่าแบบนี้เขาไม่ได้เรียกว่าแรด แล้วก็บอกพ่อว่าน้ำหน้าอย่างพ่อคงไม่เคยจีบผู้หญิงที่ไหนมาก่อน เพราะเอาแต่เรียนๆ
สรุปก็คือคุณพ่อเลยท้าขอคบกับคุณแม่ตอนนั้นเลยหรือครับ พี่ซีพูดสรุป
ใช่แล้วจ้ะคุณแม่ยิ้มตอบ แต่จะว่าไปเป็นการคบที่ดูแปลกประหลาดหน่อย เพราะตานั่นจีบผู้หญิงไม่เป็น
แปลกประหลาดยังไงเหรอครับผมถามด้วยความสงสัย
ก็ปกติคนมาจีบเขาจะเอาดอกกุหลาบสีแดงมาให้ใช่ไหม แต่ตานั่นดันเอาดอกมะลิมาให้แม่นะสิ
ห๊ะ! ดอกมะลิ ทั้งผมทั้งพี่ซีทั้งดีต่างร้องอุทานออกมาพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
ใช่แล้วจ้ะ ดอกมะลิคุณแม่พูดไปหัวเราะไปพลาง แล้วไม่ใช่มาแค่ดอกเดียวนะ เอามาให้เป็นพวงมาลัยอย่างสวยงามเลย เห็นว่าเป็นคนทำเองกับมือ แต่ก็ไม่น่าเชื่อนะว่าผู้ชายจะทำของแบบนี้กับเขาได้ แล้วพอแม่ถามเหตุผลว่าทำไมถึงให้ดอกมะลิ ตานั่นก็ตอบมาว่าดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ ซึ่งเหมาะกับผู้หญิงอย่างแม่ที่สุด
สมแล้วที่เป็นคุณพ่อพี่ซี จีบสาวไม่เป็นจริงๆ
แต่จะว่าไปให้พวงมาลัยดอกมะลินี่ก็ดูน่ารักไม่ใช่น้อยเลยแหะ
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ตานั่นยังเขียนบทกลอนใส่กระดาษหอมลายดอกไม้สวยๆส่งมาให้แม่อีก”
ห๊ะ นี่ยังมีอีกเหรอ มุ้งมิ้งมากเลยนะเนี่ยพ่อพี่ซี
“แต่บทกลอนที่เขียนใช่ว่าจะไพเราะเพราะพริ้งหรอกนะ เพราะเจ้าตัวเขียนไม่ค่อยเก่งเรื่องจีบสาว แต่กับเรื่องสัมผัสโครงกลอนสี่สุภาพอย่างเป๊ะไม่มีผิด” สมควรแล้ว เด็กเรียนขนาดนั้น “ส่วนเรื่องชวนนัดเดตทานข้าวดูหนังนี่ ยิ่งแล้วใหญ่”
“ทำไมเหรอครับ” พี่ซีเอ่ยปากถามบ้างแล้ว
“ก็พ่อของลูกพาแม่ไปทานข้าวที่บ้านตัวเองนะสิ” อะไรนะ ทานข้าวที่บ้านตัวเอง “แถมลงมือทำอาหารให้แม่ทานเองด้วย ฮะๆ ไข่ดาวอย่างไหม้ แล้วน้ำดื่มก็เป็นน้ำฝนจากในโอ่งเย็นๆกลิ่นมะลิ”
เอ่อ คุณพ่อครับ ถ้าจะจีบสาวแบบนี้ผมว่าอย่าจีบเลยดีกว่าไหมครับ เสียเชิงชายหมด
“ส่วนดูหนัง แทนที่จะพาแม่ไปดูที่โรงหนังในห้างสรรพสินค้า แต่กลับพาแม่ไปดูหนังวิดีโอในบ้านของตัวเอง โดยให้เหตุผลว่าทำไมต้องไปดูที่โรงหนังด้วย มันสิ้นเปลือง ไหนจะต้องไปนั่งเบียดคนอื่น กลิ่นก็เหม็นด้วย แถมอากาศที่โรงก็หนาวอีก สู้ดูที่บ้านไม่ดีกว่าหรือ” เอ่อ เป็นเหตุผลที่พอใช้ได้นะครับ แต่ผมว่ามันเป็นการเดตที่ไม่ค่อยจะลงทุนซักเท่าไหร่เลย “เห็นจีบซื่อๆบื้อๆแบบนั้นแต่พ่อเขาก็มีมุมลูกผู้ชายเหมือนกัน”
“ยังไงเหรอคะคุณแม่” ยัยดีลุ้นมากไปหน่อยแล้วมั้ง นั่งซะชิดคุณแม่ตัวเองขนาดนั้น
“ก็มีอยู่วันหนึ่งแม่โดนโจรกระชากกระเป๋า พ่อเขาก็เลยวิ่งไล่ตามไป” โห สุภาพบุรุษตัวจริงเลยครับคุณพ่อ “พอแม่วิ่งตามไปดู เห็นพ่อกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับโจร จนในที่สุดก็ได้กระเป๋ากลับคืนมา แต่บาดแผลนี่เต็มตัวจนแม่ต้องช่วยพยุงไปส่งโรงพยาบาล”
“โห คุณพ่อสุดยอดไปเลย” ยัยดีเบาๆหน่อยก็ได้
“จะว่าไปแม่คบกับพ่อเขาอยู่นานพอสมควร” คุณแม่พูดพลางมุ่นคิ้วใช้ความคิด “จนใกล้รับปริญญานั่นแหละ พ่อเขาถึงมาขอแม่แต่งงานด้วย แต่จะว่าไปก็นึกขำไม่น้อยตอนที่พ่อมาขอแม่แต่งงานนะ”
“คุณพ่อขอคุณแม่แต่งงานยังไงเหรอครับ” ผมถามต่อด้วยความสงสัย เพราะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณพ่อของพี่ซีจะทำแบบนี้กับเขาด้วย ส่วนคุณแม่พี่ซีเมื่อได้ยินที่ผมถามถึงกับหัวเราะออกมา
“ปกติคนขอแต่งงานต้องดูวันเวลาสถานที่เหมาะสมด้วยใช่ไหมล่ะ” ครับคุณแม่ แต่จะว่าไปของผม พี่ซีขอผมแต่งงานที่โรงพยาบาลนะครับ (มันก็แปลกเหมือนกัน) แต่ของคุณพ่อพี่ซีน่าจะแปลกยิ่งกว่าแค่ไหนกัน ชักอยากรู้แล้วสิ “แต่นี่กลับมาขอแม่แต่งงานตอนแม่กำลังทำข้อสอบปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยนะ”
ห๊ะ ขอตอนทำข้อสอบเนี่ยนะ คิดออกมาได้ไงเนี่ย!
“พอดีแม่กำลังนั่งทำข้อสอบอยู่ในห้องสอบ แล้วทีนี้คุณพ่อก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาที่หน้าห้องแล้วตะโกนขอแม่แต่งงานต่อหน้าอาจารย์คุมสอบเดี๋ยวนั้นเลย หึๆ เล่นเอาแม่นี่อายเพื่อนจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ไหน” คุณแม่พูดไปหัวเราะไปพลาง “ส่วนเรื่องแหวน เห็นคุณพ่อบอกว่าขับรถไปเอาจากคุณพ่อที่ทำงานในวันนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่ลูกเรนไม่ต้องคิดมากนะ เห็นเย็นชากระด้างกระเดื่องแบบนั้นแต่ลึกๆแล้วอ่อนอย่างกะเป็นขี้ผึ้ง ใช้ลูกตื้อซักหน่อยเดี๋ยวก็ใจอ่อนเองแหละ
ขอให้มันอ่อนจริงเถอะ แค่ทำอาหารให้ก็โดนว่าซะแล้ว

แม้อาหารนอกบ้านจะอร่อยแต่ก็ไม่อุ่นใจเท่าที่บ้าน ผมขับรถกลับมาบ้านอีกทีก็ดึกมากพอสมควรแล้ว ป่านนี้คงเข้านอนกันหมด หลังจากจอดรถหน้าบ้านให้คนขับรถประจำบ้านขับไปเก็บ ผมก็เดินเข้ามาในบ้านก่อนจะตรงขึ้นบันไดไปยังห้องนอนตัวเอง ซึ่งเดินผ่านหน้าห้องลูกชาย(อดีต)คนโตก็ได้ยินเสียงหัวเราะกิ๊กกั๊ก
หน้าไม่อาย!
ผมคิดพลางส่ายหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องนอน ซึ่งบัดนี้ถูกปิดไฟจนเห็นแต่แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องเท่านั้น คนรักของผมนอนหลับอยู่บนเตียงคาดว่าคงจะเข้านอนไปได้นานแล้ว (ปกติเมียผมเข้านอนไวครับ) ผมก็เลยหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ พอเดินออกมาอีกทีมีอันต้องชะงัก เห็นแก้วนมวางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ (ก่อนหน้าเข้าห้องน้ำยังไม่มีเลยครับ)
ของใครหว่า?
ครั้นจะปลุกถามก็ไม่กล้า เพราะอีกฝ่ายคงหลับไปแล้ว ก็เลยยกขึ้นดื่มอย่างว่าง่าย ซึ่งมันก็อร่อยใช้ได้เลยครับ นมอุ่นได้ที่ ไม่หวานเกินไป ผมชอบครับ หลังจากดื่มนมเสร็จผมก็แต่งตัวด้วยชุดนอนก่อนจะเข้านอนหลับไปอย่างรวดเร็ว พอตกเช้าก็ตื่นขึ้นไม่พบคนรักนอนอยู่ คาดว่าคงลงไปข้างล่างก่อนแล้ว จึงไม่ใส่ใจอะไรมากนัก ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป หลังจากทุกอย่างเสร็จก็เดินออกมาจากห้องลงไปข้างล่าง ผมได้ยินเสียงหัวเราะกิ๊กกั๊กในห้องครัว จึงไม่ใส่ใจเดินเข้าในห้องรับแขกเพื่อที่จะอ่านหนังสือพิมพ์ ครั้นพอเข้าไปในห้องรับแขกแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้โซฟา ก่อนจะหยิบปลาท่องโก๋ฉีกใส่ถ้วยกาแฟจับช้อนคนยกขึ้นดื่มเหมือนอย่างเคย (เมียผมเตรียมให้ทุกเช้าครับ)
เอ๊ะ ทำไมคราวนี้รสชาติกาแฟถึงได้กลมกล่อมนัก
ผมมุ่นคิ้วพลางมองกาแฟที่ถืออยู่ สงสัยเมียผมคงไปหาวิธีที่ทำให้กาแฟอร่อยขึ้นละมั้ง คิดได้ดังนั้นจึงดื่มอย่างไม่ใส่ใจ พอดื่มเสร็จก็ลุกขึ้นออกไปเดินเล่นยามเช้า ครั้นพอเดินกลับเข้ามาในห้องทานข้าว ก็เห็นข้าวต้มกุ้งกำลังร้อนได้ที่ถูกวางไว้อยู่พร้อมแล้ว เมียผมนั่งรอทานข้าวด้วยครับ (แต่นั่งยิ้มทำไมหว่า)
ใครทำผมถามคนรักที่นั่งรอทานข้าวพร้อมผมเหมือนกับทุกวัน เพราะปกติเมียผมจะทำแค่โจ้กให้ผมทานเท่านั้น ผมถามว่าใครเป็นคนทำ
ฉันทำเองแหละ ทำไม แค่เปลี่ยนเมนูตอนเช้าถึงต้องถามกันด้วยเหรอโธ่ อายุจนปูนนี้แล้วยังทำตัวงอนเป็นเด็กไปได้
เปล่า ผมก็แค่ถามดูเฉยๆผมบอกปัดก่อนจะตักข้าวต้มกุ้งขึ้นมาทาน ซึ่งมันอร่อยใช้ได้เลยครับ เล่นเอาผมทานจนหมดเกลี้ยงชาม เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณช่วยทำข้าวต้มแบบนี้อีกให้ผมด้วยนะ
จ้ะนี่ก็แปลก ยิ้มอยู่ได้ เดี๋ยวตอนกลางคืนจัดหนักให้ในรอบหนึ่งเดือนเลยนี่ (ถึงจะแก่ก็ยังมีไฟอยู่นะครับ หึๆ) หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จผมก็ขับรถออกไปทำงานเหมือนตามปกติ โดยไม่สนใจลูกชายที่เดินเล่นเกาะไม้เกาะมือถือแขนอยู่สนามหญ้าหน้าบ้านก็ตาม

ก๊อก ก๊อก
“ท่านประธานคะ พอดีคนที่บ้านส่งข้าวกล่องมาให้ค่ะ จะให้ดิฉันวางไว้ตรงไหนคะ” คำพูดของเลขาทำเอาผมที่กำลังคร่ำเคร่งกับงานเอกสารถึงกับหยุดชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเห็นอีกฝ่ายถือข้าวกล่องปิ่นโตลวดลายสวยงามอยู่ในมือ “เอ่อท่านประธานคะ...”
“วางไว้บนบนโต๊ะรับแขกนั่นแหละ”
“ค่ะ”
พออีกฝ่ายวางข้าวกล่องปิ่นโตแล้วก็เดินออกนอกห้องทำงานไป ทำให้ผมต้องลุกขึ้นเดินไปดูด้วยความสงสัย เพราะนานแล้วที่เมียของผมไม่ได้ทำข้าวกล่องปิ่นโตมาให้ผมถึงที่ทำงานนับสิบปีเห็นจะได้ แต่นี่กลับทำมาให้ผมทานอีกครั้ง
“สงสัยอยากจะอ้อนให้ซื้ออะไรอีกล่ะสิเนี่ย” ผมพูดพลางส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ กะว่าไว้หลังจากทำงานเสร็จแล้ว จะแวะห้างสรรพสินค้าซื้อของปลอบใจให้คนรักเป็นการตอบแทนสำหรับอาหารกลางวันมื้อนี้ซักหน่อย แต่ครั้นพอเปิดข้าวกล่องก็พบว่าเป็นข้าวไข่ดาวที่แสนจะธรรมดา ทำเอาผมถึงกับลอบยิ้มออกมาได้ทันที “นี่ยังไม่ลืมอาหารมื้อแรกที่ฉันทำให้อีกหรอกหรือเนี่ยยัยบ๊องเอ๊ย”
ดีนะที่อีกฝ่ายทำออกมาได้ไม่เกรียมไหม้เหมือนผมที่เคยทำให้กินในครั้งนั้นด้วย ไม่งั้นมีเฮแน่
ตกเย็นหลังเลิกงานผมก็แวะซื้อดอกไม้ร้านดอกไม้ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ไม่ทราบว่าต้องการซื้อดอกไม้อะไรเหรอครับคุณลูกค้า เจ้าของร้านถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ดอกมะลิคำตอบของผมทำเอาเจ้าของร้านถึงกับผงะ เอาแบบเป็นพวงมาลัย มีไหมล่ะ
เจ้าของร้านอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มตอบกลับมาว่า
มีครับ ไม่ทราบว่าจะเอากี่พวงดีครับ
พวงเดียวก็พอแล้วเจ้าของร้านก็เดินเข้าไปหยิบมาให้ก่อนจะใส่ถุงให้ผม เท่าไหร่ครับ
ห้าสิบครับซึ่งผมจ่ายเงินให้และทำท่าจะไป แต่เจ้าของร้านเรียกผมซะก่อน
เดี๋ยวครับคุณลูกค้า
มีอะไร หรือว่าผมจ่ายให้ไม่ครบ
ครบแล้วครับแต่…เจ้าของร้านพูดยิ้มตอบ ก่อนจะพูดเสียงกระซิบกับผมเบาๆว่า …ขอเสียมารยาทหน่อยครับ ไม่ทราบว่าคุณจะเอาพวงมาลัยดอกมะลิไปไหว้พระเหรอครับ
ผมได้ยินถึงกับชะงักก่อนจะยิ้มตอบคำถามกลับไปว่า
ไม่ใช่ เอาไปให้เมียนะ
!!!!!!!!

ปล.ให้เดาว่าฝีมือใคร ^^ ตั้งแต่แก้วนมเลยล่ะกัน หึๆ พ่อพี่ซีตอบที เล่นเอาเจ้าของร้านดอกไม้ถึงกับเงิบ (ตกใจมาก ใครที่ไหนจะเอาพวงมาลัยดอกมะลิไปให้เมียล่ะ)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น