ตอนที่ 45 สู้ๆ
หลังจากคุณพ่อคุณแม่ไปเอายามาให้พวกเราเรียบร้อยแล้ว
(พวกท่านก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ) ทำให้ตอนนี้เหลือแต่พวกผมกับพวกพี่ออยที่ยังคงอยู่
(รอพี่ซีนั่นแหละครับ)
จะว่าไปจนป่านนี้ผมยังไม่เห็นพี่ซีเดินกลับเข้ามาในโรงพยาบาลเลยครับ
พอคิดได้ดังนั้นผมก็หยิบมือถือกดโทรหาพี่ซีทันที
แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่รับสายผมเลยซักนิด
“มีอะไรเหรอเรน ทำหน้าคิ้วขมวดเชียว” รินพูดพลางใช้นิ้วกดระหว่างหัวคิ้วผมเล่น
“ก็พี่ซีนะสิ ไม่ยอมรับสาย”
“สงสัยเข้าห้องน้ำท้องเสียมั้ง” รินพูดแซวเล่นขำๆ “หรือไม่ก็ออกไปซื้อข้าวมาให้พวกเราก็ได้
มันเลยเที่ยงไปแล้วนี่ ทุกคนยังไม่ได้ทานข้าวเลยไม่ใช่เหรอ”
“อืม นั่นสินะ” ผมพูดอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
แต่แล้วผมก็เห็นร่างสูงคุ้นตาเดินเข้ามาตรงที่ผมลิ่วๆ
“นั่นไง พูดถึงก็มาพอดี” รินพูดยิ้มๆ แต่พี่ซีไม่ได้มีของกินติดมือกลับมาตามที่ผมกับรินเข้าใจ
“พี่ซีไปไหนมาฮะ ผมโทรหาแล้วไม่ยอมรับสาย”
ผมถามด้วยความสงสัย ทว่าร่างสูงไม่ตอบ
กลับย่อตัวนั่งลงโดยเอาขาอีกข้างหนึ่งชันเข่าขึ้นมาคล้ายกับท่าอัศวินรับดาบจากพระราชายังไงยังงั้น
แน่นอนว่าทำเอาผมที่ยืนอยู่ถึงกับตกใจ (ทุกคนก็ตกใจเหมือนกับผมครับ) “พี่ซี พี่คิดจะทำอะไรนะ”
พี่ซีไม่ตอบเดี๋ยวนั้น กลับล้วงอะไรบางอย่างในกระเป๋าขึ้นมา
เป็นกล่องสีแดงกำมะหยี่ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ แล้วพี่ซีก็เปิดฝามันขึ้นมา
แลเห็นแหวนวงหนึ่งขนาดเล็กมีสีทองดูเกลี้ยงเกลาไม่หวือหวา
อย่าบอกนะว่า...
“มันอาจจะดูไวไปซักนิดที่มาพูดในตอนนี้
แต่ผมไม่อยากเสียคุณไปเพราะคุณพ่ออีก ฉะนั้น...” พี่ซีพูดพลางส่งยิ้มมาให้ผม
“....ที่รัก กรุณาแต่งงานกับผมเถอะนะครับ”
!!!!!!
“วิดวิ้ว! แจ่มไปเลยนะมึงไอ้ซี” พวกเพื่อนพี่ซีผิวปากพูดอย่างพอใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
“ตอบเลยเรน ตอบเลยๆ” ไอ้พวกหนึ่งแม่งช่างยุผมซะจริง
ซึ่งไม่เว้นกระทั่งรินที่บ้ายุตามกับพวกมันไปด้วย ส่วนไอ้บอยหรือครับ
มันหัวเราะหึเลย (กับพี่บาสอ้าปากค้าง)
“ตะ…แต่คุณพ่อพี่ซี…”
“ที่รักไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น
เดี๋ยวผมจะจัดการให้เอง” พี่ซีตอบด้วยน้ำเสียงเว้าวอน “นะครับที่รัก เชื่อผมสิ ผมจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง”
ผมหันซ้ายแลขวามองทุกคน
ซึ่งทั้งพวกไอ้หนึ่งทั้งพวกพี่ออยต่างยืนลุ้นรอคำตอบจากปากผมกันทั้งนั้น
ไม่เว้นกระทั่งรินที่ก็ยืนลุ้นไปกับเขาด้วย
จะลองเชื่อใจพี่ซีดูละกัน
“ตกลงครับพี่ซี”
หลังจากที่ผมขอแต่งงานกับน้องเรนไปแล้ว
ผมก็ขับรถไปส่งพวกไอ้ออยกลับมหาวิทยาลัยเพราะผมจะพาน้องเรนไปหาพ่อที่บ้านเพื่อเคลียร์เรื่องทั้งหมด
ซึ่งพวกมันก็เข้าใจดีแล้วอวยพรให้ผมกับน้องเรนโชคดี
ระหว่างผมขับรถพาน้องเรนกลับบ้าน มีน้องบอยกับไอ้บาสนั่งตามมาด้วยครับ
(เดี๋ยวก็รู้ครับว่าผมพาสองคนนี้มาทำไม)
ร่างบางกลับลุกลี้ลุกลนจนผมต้องเอื้อมมือไปจับมือบางที่บัดนี้มีแหวนสีทองของผมอยู่บนนิ้วนางซ้ายบีบเบาๆเพื่อให้คลายกังวล
“ไม่ต้องกลัวนะครับที่รัก
มันจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี”
“ครับพี่ซี” เมื่อไปถึงบ้านผมก็จูงน้องลงรถเดินเข้าไปในบ้านโดยมีน้องบอยกับไอ้บาสเดินตามหลังมา
ก่อนจะตรงไปยังห้องรับแขก ซึ่งครั้นพอเข้าไปในห้องรับแขก
ร่างบางที่ผมจูงด้วยถึงกับชะงักไปในทันที
เพราะในห้องรับแขกนั้นไม่ใช่มีแค่คุณพ่อของผมที่นั่งตีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่เพียงคนเดียว
ยังมีคุณแม่ของผม มีตำรวจอีกสามนาย
(หนึ่งในนั้นยืนคุมผู้ชายร่างยักษ์สองคนอยู่ด้านหลังคุณตำรวจสองนาย)
มีเพื่อนของคุณพ่อของผมหรือก็คือพ่อของแพรนั่งกุมขมับด้วยความกลัดกลุ้ม
และยัยแพรที่นั่งก้มหน้าตาตัวสั่นราวกับกลัวความผิด “พี่ซี...ผมกลัว”
“ไม่ต้องกลัวครับที่รัก คุณยังมีผมอยู่ด้วยทั้งคน”
แล้วผมก็พาน้องเรนไปนั่งเก้าอี้โซฟาอีกฟากคนละฝั่งที่ยัยแพรนั่ง
ส่วนน้องบอยกับไอ้บาสนั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟาที่ติดอยู่ข้างกัน
แล้วคุณพ่อของผมก็เริ่มเอ่ยปากขึ้นมาก่อน
“ฉันจะไม่ถามอะไรจากแกอีกเพราะตำรวจได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังหมดแล้ว
จะเหลือก็แต่พวกเธอ มีอะไรก็เล่าให้ตำรวจฟังซะ เชิญคุณตำรวจพูดได้ตามสบายเลยครับ”
“ครับ เนื่องจากฝ่ายแจ้งความคือคุณซี
ซึ่งมีทั้งพยานและหลักฐานที่เป็นวิดีโอ...”
“เดี๋ยวค่ะคุณตำรวจ ดิฉันไม่ยอม พยานก็ไม่มี
หลักฐานอะไรนั่นก็แค่วิดีโอจอมปลอม สร้างขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้” ดูสิครับ
ยัยแพรเถียงออกมาหน้าด้านๆเฉยเลย คงจะกลัวความผิดมั้งครับ
“ใครว่าพยานไม่มี ก็พวกกูยังไงล่ะ” ดูท่าน้องบอยจะอารมณ์เสียมากครับ
ขึ้นกูมึงต่อหน้าตำรวจเลย “อย่านึกว่าเป็นลูกคนมีเงินแล้วจะรอดได้นะ
ไม่มีวันซะหรอก”
“ส่วนเรื่องหลักฐานก็เป็นกล้องวิดีโอของมหาวิทยาลัยที่คุณซีได้ส่งมาให้กับพวกผมแล้วครับ”
ว่าแล้วคุณตำรวจก็เปิดวิดีโอที่ต่อกับทีวีจอแบนในห้องรับแขกขึ้นมาทันที
แลเห็นภาพในขณะที่ยัยแพรสั่งให้ผู้ชายสองคนจับตัวคนรักของผม ซึ่งในระหว่างที่ดู
มือบางที่จับอยู่ถึงกับสั่นด้วยความกลัว
ทำเอาผมต้องจับมือบางแนบแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
พอดูจนจบแล้วคุณตำรวจก็กดปิดก่อนจะหันมาทางพวกเราอีกครั้ง “หลักฐานพร้อมมูลแบบนี้แล้วคุณยังจะมีอะไรแก้ตัวอีกครับคุณแพร”
“มะ…ไม่มีค่ะ”
“แล้วคุณล่ะครับ”
คุณตำรวจหันไปถามพ่อของยัยแพรที่นั่งกุมขมับเหมือนเดิม
“ไม่มีครับ ถ้าลูกสาวผมผิดจริง
ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ คนเราโกหกคนอื่นได้แต่โกหกตัวเองไม่ได้” ดูเหมือนพ่อของยัยแพรจะคล้ายกับคุณพ่อของผมนะครับ
คือในเมื่อทำผิดก็ต้องก้มหน้ายอมรับผิด
แล้วตำรวจก็จับยัยแพรกลับไปสถานีตำรวจโดยมีพ่อของยัยแพรขับรถตามไปด้วย
พอเรื่องนี้จบลงแล้ว ผมก็ให้ลูกน้องที่บ้านขับรถไปส่งน้องบอยกับไอ้บาส
(เพราะผมกับที่รักยังต้องมีเรื่องเคลียร์กับคุณพ่ออีก)
ซึ่งก่อนไปน้องบอยยืนคุยกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับที่รักของผมก่อนจะตอบบ่าร่างบางเบาๆด้วยครับ
“คุยอะไรกันเหรอครับ” ผมถามอย่างสงสัย
ซึ่งน้องเรนหันมายิ้มตอบกับผมว่า
“บอยแค่ให้กำลังใจผมนะครับพี่ซี”
เมื่อเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย
พี่ซีก็พาผมเดินเข้าในบ้านอีกครั้งก็พบว่าคุณพ่อพี่ซีกำลังจะเดินออกมาจากห้องรับแขก
คล้ายกับว่าจะออกไปข้างนอก
“เดี๋ยวก่อนสิครับคุณพ่อ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
พี่ซีบอก ซึ่งทำเอาคุณพ่อพี่ซีหยุดชะงักเดิน
แล้วพี่ซีก็จับมือผมแน่นก่อนจะพูดออกไป “เรื่องของแพรจบไปแล้ว
จะไม่มีการหมั้นหมายอีก แถมตอนนี้ผมก็ได้ขอน้องเรนแต่งงานแล้ว…”
“ก็เรื่องของแก แกมันไม่ใช่ลูกชายฉันแล้วนี่
อยากจะทำอะไรก็ทำไป”
!!!!!!!
“แต่คุณพ่อครับ ผมรักน้องเรนจริงๆนะครับ”
“อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ
ฉันจำไม่ได้ว่ามีลูกชายเป็นเกย์”
!!!!!!
แล้วคุณพ่อพี่ซีก็เดินออกไปข้างนอกบ้านก่อนจะตามด้วยเสียงรถยนต์แล่นออกไป
“ไม่เป็นไรนะครับพี่ซี” ผมพูดพลางมองร่างสูงที่ดูเศร้าเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรครับที่รัก ผมสบายดี” พี่ซีพูดพลางจับมือผมเบาๆ
ก่อนจะหันหน้ามามองผมด้วยสายตามุ่งมั่น “ถึงแม้ตอนนี้คุณพ่อจะไม่ยอมรับพวกเรา
แต่อีกหน่อยก็ไม่แน่ ฉะนั้นพวกเรามาพยายามด้วยกันเถอะนะครับที่รัก”
“ครับพี่ซี!”
เพราะด้วยเหตุนี้พี่ซีก็เลยขับรถพาผมกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านก่อนจะพากลับมาบ้านพี่ซีอีกครั้ง
แน่นอนว่าการมานอนค้างบ้านพี่ซีครั้งนี้ผมได้ขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่แล้ว
ซึ่งท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังพูดอวยพรให้ผมทำภารกิจ(?)เอาใจคุณพ่อพี่ซีให้สำเร็จอีกด้วย
ซึ่งก่อนกลับไปถึงบ้านพี่ซี
ผมก็เลยบอกให้พี่ซีช่วยขับรถแวะห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของไปทำให้คุณพ่อพี่ซีได้ทาน
“ที่รักทำอาหารเป็นด้วยเหรอครับ” นี่คืออีกเรื่องที่ผมไม่เคยบอกให้พี่ซีรู้
“ครับ พอดีคุณแม่ได้สอนเอาไว้” ผมพูดตอบในขณะที่เลือกซื้อผักไปด้วยพร้อมกัน “ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว
รินก็ทำเป็น คุณแม่บอกว่าถึงจะเป็นผู้ชาย ก็ควรมีวิชาติดตัวเอาไว้
ไปอยู่ไหนจะได้สบาย ทำอาหารกินเองได้ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น”
“เหรอครับ
แบบนี้ผมก็ไปพูดใครต่อใครได้ว่าได้เมียดีทำอาหารเป็น อุ๊ก”
พี่ซีพูดไม่ทันจบก็โดนผมต่อยท้องเบาๆด้วยความหมั่นไส้
“ว่าแต่คุณพ่อพี่ซีชอบทานอาหารอะไรเหรครับ
ผมจะได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่”
“อืม ยังไงก็ได้ครับที่รัก
เพราะคุณพ่อของผมทานได้หมด” พี่ซีพูดพลางมุ่นคิ้ว “จะว่าไปช่วงนี้คุณหมอได้สั่งให้คุณพ่อผมเน้นทานแต่ผัก
เพราะร่างกายจะได้แข็งแรง ผมว่าที่รักน่าจะทำสุกี้ดีกว่านะครับ”
“สุกี้งั้นเหรอ ก็ดีเหมือนกันแฮะ”
แล้วผมก็เลือกซื้อผักซื้อเนื้อโดยมีพี่ซีช่วยเข็นรถเข็นตามหลังมาด้วย
เมื่อเรียบร้อยแล้วพี่ซีก็ขับรถพาผมกลับบ้านของพี่ซี
แน่นอนว่าคุณแม่ของพี่ซีกับยัยดีถึงกับแปลกใจเมื่อผมเอ่ยปากขอยืมครัวเพื่อทำอาหารให้พวกเขาทาน
“แน่ใจเหรอว่าทำได้นะ” ยัยดีถามด้วยลังเล
พลางมองผักที่ผมกำลังแกะเตรียมล้างอยู่
“แน่ใจสิ”
“ให้ผมช่วยไหมครับที่รัก”
“ก็ดีเลยฮะ งั้นพี่ซีช่วยล้างผักตรงนี้ให้ผมแล้วกัน
เดี๋ยวผมจะไปหมักเนื้อก่อน” ผมบอกก่อนจะปล่อยให้ร่างสูงล้างผักไป
ส่วนตัวผมเองก็หันไปแกะเนื้อออกจากถุง แต่ก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองพี่ซีว่าอีกฝ่ายล้างผักเป็นหรือเปล่า
ซึ่งบอกตามตรงเลยครับว่าพี่ซีไม่ได้ทำให้ผมผิดหวัง
เมื่อเตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้วผมก็ลงมือต้มทันที
ไม่นานนักสุกี้ที่ผมตั้งใจทำสุดฝีมือ (ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้)
ก็เสร็จภายในเวลารวดเร็ว “อืมใช้ได้ พี่ซีฮะ พี่ลองชิมดูหน่อยสิว่ามันใช้ได้ไหม”
ผมพูดพลางตักน้ำซุปให้ร่างสูงได้ชิม
ซึ่งอีกฝ่ายก้มหน้าซดน้ำซุปจากช้อนที่ผมตักให้
ก่อนจะเงยหน้ายิ้มแป้นยกนิ้วโป้งให้กับผม
“อร่อยมากเลยครับที่รัก รสชาติกลมกล่อมใช้ได้เลย”
แล้วพี่ซีก็อาสายกหม้อขึ้นไปวางบนโต๊ะอาหารที่ห้องอาหารทันที
ส่วนพวกน้ำจิ้มผักหรือเนื้อผมขนตามไปทีหลัง (มีพวกป้าแม่บ้านช่วยยกด้วยนะครับ
เพราะมันเยอะจัด) แต่ในขณะที่ผมกำลังยกผักออกไป
ผมก็เห็นพี่ซีพูดกับคุณพ่อเสียงดังลั่นบ้าน “มันจะมากเกินไปแล้วนะครับ พวกผมอุตส่าห์ลงมือทำ
แต่คุณพ่อคิดจะออกไปทานข้าวนอกบ้าน!”
“ฉันไปทานข้างนอกมันหนักหัวใครรึไง ฮึ
สุกี้มันก็แค่ของพื้นๆกระจอกๆ ฉันทานไม่ลงหรอก”
!!!!!!!
แค่คำสองคำทำเอาผมถึงกับน้ำตาร่วง
“มันจะมากไปแล้วนะครับคุณพ่อ” แต่คุณพ่อพี่ซีไม่ฟัง
กลับเหล่มองผมด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะเดินออกไปนอกบ้านอย่างไม่แยแส
“คุณพ่ออย่าหนีสิครับ คุณพ่อ ฟังผมก่อน คุณพ่อ อ๊ะ ที่รัก
มันไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นนะ พอดีพ่อของผม...”
“ไม่เป็นไรครับพี่ซี ผมได้ยินหมดแล้ว”
ผมพูดพลางยกมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออก
ถึงยกแรกจะแพ้ แต่ไม่เป็นไร เพราะยกต่อไปยังมีอยู่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น