ตอนที่ 1 ภาม
เมื่อวานนี้พี่ออยได้ขอผมเป็นแฟน ซึ่งผมไม่ได้ให้คำตอบไป
เพราะชิ่งหนีกลับบ้านไปเสียก่อน ผมไม่มั่นใจกับความรักที่พี่ออยมอบให้หรอกครับ
กลัวว่ามันจะเป็นความสงสารมากกว่า ใช่ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ ก็เพราะมันเป็นคนพิการนี่ครับ
ใครหน้าไหนจะมารักผมจริง ซึ่งผมกลัวจะถลำลึกไปมากกว่านี้
ก็เลยยอมถอนตัวออกมาเสียแต่เนิ่นๆ ก่อนที่มันจะสายเกินไป
ถึงแม้ปัจจุบันนี้สังคมจะเปิดรับกว้างเรื่องชายรักชายก็ตาม
แต่กับครอบครัวผมคงไม่ได้เปิดรับเรื่องพวกนี้อย่างแน่นอน โชคดีที่เช้านี้คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงานแต่เช้าตรู่แล้ว
ก็เลยทำให้ผมไม่ต้องออกมาทำอาหารให้พวกท่านทาน แล้ววันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก
ผมต้องนั่งรถเมล์เข้าไปในมหาวิทยาลัย ซึ่งมันอยู่ไกลมากครับ ต้องออกแต่เช้าตรู่
ไม่งั้นไปไม่ทันแน่
เอี๊ยด!
เสียงรถเบรกดังขึ้น ทำเอาผมที่กำลังยืนรอรถเมล์หน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้านถึงกับหันไปมองต้นเสียง
ก่อนจะแลเห็นรถหรูขั้นเทพ เอ้ยไม่ใช่ รถปอร์เช่สีขาวคุ้นตาจอดอยู่ข้างขวาผม
และที่ยิ่งกว่านั้น
ร่างสูงคุ้นตาที่ขอผมเป็นแฟนเมื่อวานก็นั่งขับอยู่ในรถคันนั้นด้วยครับ
(สวมแว่นตาสีดำอย่างเท่ห์)
“จะไปมหาวิทยาลัยไม่ใช่รึไง ขึ้นรถมากับพี่สิ
จะได้ไปพร้อมๆกัน”
“ไม่เป็นไรฮะพี่ออย หนูนั่งรถเมล์ไปเองได้” ผมยิ้มตอบ
เกรงใจครับ ถึงจะอยู่ข้างบ้านกัน และเคยนั่งทานข้าวด้วยกันเกือบทุกเช้า(?)
แต่ผมก็ไม่กล้านั่งรถไปพร้อมกับพี่ออยหรอกครับ
“ขึ้นมาเร็วครับน้องภาม เดี๋ยวรถคันหลังก็ได้บีบแตรไล่พี่หรอก”
“เอ่อ...หนู”
แปร๊น!
เสียงแตรรถดังขึ้นจริงๆครับ
คราวนี้มีทั้งสายตาคนรอรถเมล์กับคนเดินผ่านแถวนั้นต่างมองมาที่ผมกันเป็นแถว
ไอ้ผมรึจะหน้าด้านอยู่ต่อทำไมครับ
รีบขึ้นรถอย่างไวก่อนพี่ออยจะเข้าเกียร์แล้วขับรถพาผมออกไปทันที
เมื่อวานนี้ผมรู้สึกเสียใจเหมือนกันที่น้องภามไม่ตอบรับผมเป็นแฟน
แต่ไม่เป็นไรครับ ผมรอเขาได้ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมตื่นแต่เช้าตรู่
เพราะรู้ดีว่าวันนี้น้องภามต้องนั่งรถเมล์ไปมหาวิทยาลัย
ผมจึงรีบขับรถไปรับน้องที่ยืนรอรถเมล์ที่หน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน (ดีนะที่มีรถแล่นตามหลังมา
ไม่งั้นน้องภามไม่ยอมขึ้นรถมากับผมหรอกครับ) พอผมขับรถมาถึงมหาวิทยาลัยแล้ว
ก็ขับรถจอดข้างร้านอาหาร ซึ่งทำเอาร่างบางหันมามองด้วยความสงสัย
“พี่หิวแล้ว
ภามเองก็ยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหมล่ะ ลงไปทานข้าวกับพี่ก่อนนะ”
“ฮะพี่ออย” เด็กน้อยยิ้มตอบอย่างว่าง่าย
ทำเอาผมฉีกยิ้มพลางขยี้เส้นผมร่างบางเบาๆเสียมิได้ “พี่ออยอย่าทำแบบนี้สิ
ผมหนูเสียทรงหมดแล้ว”
“ฮะๆ
ถึงจะเสียทรงก็ยังน่ารักสำหรับพี่อยู่ดีนั่นแหละครับ”
หยอดนิดหน่อยครับ ซึ่งเจ้าตัวก็หน้าแดงอายม้วนไปตามระเบียบ พอผมกับน้องลงจากรถแล้ว
ผมก็เดินเข้าไปคว้ามือบางพาเดินเข้าไปนั่งในร้านเลยครับ
“จะเอาอะไรก็สั่งได้เลยตามสบาย”
“ฮะพี่ออย” แล้วเจ้าตัวก็สั่งข้าวไข่ดาวครับ
ของโปรดเขาเลยนะนั่น ส่วนผมก็ไม่พ้นข้าวผัดกะเพราไข่ดาว พอข้าววางตรงหน้าพวกผมแล้ว
น้องภามก็ถามผมก่อนเลยครับ “ทำไมพี่ออยทานเผ็ดจังฮะ
ไม่กลัวแสบท้องเหรอ”
ไม่พูดเปล่าเพียงอย่างเดียว
มีเอียงคอแลดูน่ารัก(ฟัด)ด้วยครับ
“ไม่กลัวครับ
เพราะพี่แค่มองหน้าหนูไปทานไปก็หายแสบแล้วครับ” พอผมพูดจบ
อีกฝ่ายก็หน้าแดงเลยทันที (หึๆ) “เอาล่ะ รีบทานข้าวเถอะ
เดี๋ยวพี่จะพาเราขับรถชมมหาวิทยาลัย คราวหน้าคราวหลังไปไหนจะได้ไม่หลงทาง”
“ฮะพี่ออย”
หลังจากผมกับพี่ออยกินอิ่มเต็มคราบ(?) ร่างสูงก็ขับรถพาผมมาส่งที่หน้าตึกคณะครับ
“ตั้งใจเรียนนะครับน้องภาม ถ้ามีใครแกล้งหนู
ก็ให้โทรหาพี่ได้ แล้วตอนเย็นถ้ารับน้องเสร็จก็ให้โทรหาพี่ แล้วพี่จะรีบขับรถมารับ”
ดูพี่ออยสิครับ พูดยาวเสียจนผมไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี
“ฮะพี่ออย” พอผมลงจากรถ
พี่ออยก็ขับรถออกไปทันที ส่วนผมก็หมุนตัวเดินเข้าไปในตึกคณะ
แน่นอนว่าพอผมเข้าไปก็เห็นร่างสูง ใบหน้าคมคาย
ผิวสีแทนสวมชุดนิสิตถูกระเบียบกำลังยืนโบกไม้โบกมือให้ผมที่ม้านั่งอยู่
ไอ้ผมเห็นก็รีบเดินเข้าไปหาคนโบกมืออย่างรวดเร็ว “มาแต่เช้าเชียวนะธีร์
แล้วนี่ทานข้าวเช้าหรือยังล่ะ”
ธีร์เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยม
มันสอบเอนทรานซ์คณะเดียวกับผมครับ
“ยังเลย ธีร์รอทานข้าวพร้อมกับภามอยู่ครับ”
ปกติเพื่อนสนิทเขาจะพูดกูมึง แต่นี่กลับใช้คำสุภาพตลอด
แถมยังใช้กับผมคนเดียวด้วย ทำเอาผมถึงกับปลื้มที่ได้ธีร์เป็นเพื่อนสนิทครับ
“อ้าว รอทำไมล่ะ เกิดภามมาช้า
ธีร์ไม่หิวแย่เลยหรือ”
“เรื่องหิวเรื่องเล็กครับ ธีร์รอได้” มันยิ้มตอบกลับมา
“ไม่ได้ๆ ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกล่ะ ภามไม่ชอบ” ผมพูดแย้งพลางคว้ามือเพื่อนสนิทให้ออกเดิน “ไป
ไปทานข้าว เดี๋ยวมื้อนี้ภามเลี้ยงเอง”
แล้วผมก็ลากธีร์ไปโรงอาหารเลยครับ
พอมาถึงก็สั่งให้ธีร์นั่งรอก่อนที่ผมจะจรลีไปสั่งอาหารให้มัน
“คุณน้าคนสวยฮะ
หนูขอข้าวผัดกะเพราไข่ดาวหนึ่งจานกับน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้วฮะ”
ผมสั่งเสียงเจื้อยแจ้ว ทำเอาแม่ค้ารุ่นแม่ได้ยินคำชมจากปากผมถึงกับยิ้มเลยครับ
“ดูพูดเข้า ชมน้าแบบนี้ระวังสาวไม่แลเอานะ”
“ก็คุณน้าสวยจริงๆนี่ฮะ
นี่ถ้าหนูเกิดทันคุณน้า หนูจะจีบคุณน้าเป็นคนแรกก่อนเลย” ผมแย้งกลับไป
ทำเอาอีกฝ่ายกับแม่ค้าพ่อค้าใกล้เคียงถึงกับยิ้มหัวเราะผมด้วยความเอ็นดู
“ปากหวานแบบนี้เอาน้ำส้มคั้นไปอีกแก้วล่ะกันจ้ะพ่อหนุ่ม”
“ขอบคุณคร้าบบบบ คุณน้าใจดีที่สุดเลย!”
ผมยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงเริงร่า
แล้วผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากข้างๆ
ทำเอาผมหันกลับไปมองก่อนจะเห็นร่างสูงขาวพอประมาณกับผม
แต่สูงกว่าผมอยู่นิดหน่อยกำลังยืนยิ้มอยู่ “อ้าวเรน
มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ภามไม่ทันเห็น”
เรนคือเพื่อนอีกคนที่ผมรู้จักตอนรายงานตัว
แต่เขาเรียนอยู่คนละเอกกับผมครับ
“ก็มาตั้งแต่ภามม่อคุณน้าขายอาหารนั่นแหละ
คิกๆ”
“ใครม่อ ภามเปล่านะ” ผมพูดอย่างงอนๆ
แต่ก็ไม่ได้คิดมากเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายพูดแซวผมเล่นครับ “ว่าแต่นี่มาทานข้าวเหรอ
งั้นไปนั่งทานข้าวกับภามไหม พอดีภามกำลังซื้อข้าวให้เพื่อนอยู่นะ”
อีกฝ่ายได้ยินที่ผมพูดถึงกับส่ายหน้าครับ
“ขอบคุณที่ชวนนะภาม
แต่เรนทานมาจากที่บ้านแล้ว นี่มาซื้อน้ำส้มคั้นเฉยๆนะ”
“เหรอ งั้นแล้วไป ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะ”
“อืม ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน”
ผมยืนคุยกับเรนอยู่สองสามคำ
พอได้อาหารแล้วผมก็บอกลาก่อนจะเดินถือจานข้าวกับน้ำส้มคั้นกลับไปหาธีร์
ผมธีร์ ธีรศักดิ์ เป็นเพื่อนสนิทของภามตั้งแต่สมัยมัธยม
อันที่จริงผมรู้จักกับภามตั้งแต่ประถมแล้วครับ แต่ภามจำไม่ได้ผมไม่ได้เอง
จะไปว่าภามก็ไม่ได้ เพราะตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเขาเลยซักนิด
ผมเริ่มมาสนใจภามก็ตอนที่ภามเข้ามาช่วยผมตอนตกน้ำ
(ตอนนั้นภามยังมีขาซ้ายอยู่นะครับ) เริ่มแอบมองแอบสืบประวัติครอบครัวของภาม
(ผมไม่ได้โรคจิตนา แค่อยากรู้ไว้เฉยๆ)
ว่ามีพ่อมีแม่และพี่ชายอีกหนึ่งคนที่อายุมากกว่าสิบปีชื่อภูมิ นอกจากจะแอบมองแล้วยังแอบเอาขนมไปวางไว้ตอนเจ้าตัวไม่อยู่
จนกระทั่งปิดเทอมใหญ่เตรียมขึ้นมัธยมต้น ภามกลับได้รับประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชน
แต่โชคยังดีที่ได้ภูมิพี่ชายของภามช่วยเอาไว้ ก็เลยปลอดภัยครับ (แต่ขาขาด)
ส่วนพี่ชายของภามกลับต้องเสียชีวิตแทน จะว่าช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาโหดร้ายสำหรับภามเลยก็ว่าได้ครับ
เพราะคนในครอบครัวต่างพากันรังเกียจภามและโทษว่าเป็นเพราะภามที่ทำให้พี่ชายของตัวเองต้องตาย
ก็เลยทำให้ภามกลายเป็นคนซึมเศร้า พูดจาน้อยลง ไม่ร่าเริงอย่างที่เคยเป็น
จนเกือบถึงขั้นฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ (จากที่ฟังมาเห็นว่าพี่ออย
พี่ชายที่อยู่ข้างบ้านเป็นคนเจอและช่วยไว้ได้ทันนะครับ) เพราะด้วยเหตุนี้ผมจึงย้ายโรงเรียนตามภามครับ
(ต้องรีบทำคะแนน เดี๋ยวภามจะโดนไอ้พี่บ้านั่นคาบไปแดกครับ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น