วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ตอนที่ 47 อย่าจากผมไป

ตอนที่ 47 อย่าจากผมไป

โชคดีที่ผ่านพ้นวิกฤตการสอบไปได้ทั้งหมด แต่เรื่องของพ่อพี่ซียังไม่จบ เพราะผมต้องไปเอาอกเอาใจพ่อพี่ซีเพื่อให้ท่านยอมรับความรักของผมกับพี่ซีให้ได้ หลายวันมานี้อาหาร นม กาแฟที่ท่านได้ทานกับดื่มไปนั้นเป็นฝีมือผมทั้งหมด ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการอ่านแล้วยังต้องมาทำอาหารให้ท่านทานอีก ผมก็ไม่เคยคิดจะท้อครับ (ได้กำลังใจจากพี่ซีด้วยครับ)
“เมื่อไหร่นายจะบอกคุณพ่อว่าที่ทำให้กินทั้งหมดเป็นฝีมือของนายซักทีนะ” ยัยดีถามในขณะที่ผมกำลังทำอาหารเช้าให้คุณพ่อพี่ซีได้ทาน (เนื่องจากสอบเสร็จ มหาลัยให้หยุดพักหนึ่งอาทิตย์ครับ)
“มันยังไม่ถึงเวลานะ” ผมยิ้มตอบพลางตักข้าวต้มกุ้งใส่ถ้วย (เห็นสั่งให้ทำทุกเช้า ผมก็บ้าจี้ทำให้ทุกเช้าเหมือนกันครับ) นี่ยังดีที่คุณพ่อพี่ซีไม่นิยมชมชอบเดินเข้าในห้องครัว ไม่งั้นมีหวังความลับเรื่องที่ทำอาหารให้ทุกเช้าได้แตกแน่ ส่วนพี่ซีตอนนี้ก็กำลังคั้นน้ำส้มให้คุณพ่อด้วย พี่ซีอย่าลืมใส่น้ำเชื่อมด้วยนะครับ
ผมหันไปบอกร่างสูง ซึ่งอีกฝ่ายหันมายิ้มตอบ
ครับๆ
จะให้เรนตักให้ไหมดีผมหันไปถามอย่างมีน้ำใจ ซึ่งร่างบางส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ
ไม่ต้อง ฉันตักเองได้ นายรีบเอาชามข้าวต้มไปวางในห้องเถอะ เดี๋ยวคุณพ่อก็ลงมาเห็นหรอก
อืม งั้นไปล่ะผมบอกก่อนจะถือชามออกไป แต่เนื่องจากพี่ซียังคั้นน้ำส้มไม่เสร็จ ผมจึงต้องเดินถือชามออกไปก่อน ในขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปในห้องทานข้าว ก็มีอันต้องชะงักตัวแข็งวาบเมื่อปะทะกับสายตาอันเยือกเย็นของร่างสูงที่บัดนี้สวมชุดสูทเรียบร้อยแล้ว เอ่อ…คือว่า
ร่างสูงมองมาที่ชามข้าวต้มในมือ แล้วกลับมามองผมอีกครั้งด้วยสายตาเย็นชา
ถึงจะทำข้าวต้มให้แต่ฉันไม่คิดเปลี่ยนใจยอมรับพวกเธอได้หรอกนะ
!!!!!!
แล้วก็เลิกฝันลมๆแล้งๆได้ซักทีว่าความรักระหว่างเพศเดียวกันมันเป็นไปไม่ได้
!!!!!!
อ้อ แล้วก็ขอบใจที่ทำข้าวต้มมาให้ แต่คราวหลังไม่ต้อง เพราะต่อไปนี้ฉันจะไม่ทานอีก
!!!!!!
แล้วอีกฝ่ายก็ก้าวเท้าเดินออกจากนอกบ้านไป ทิ้งให้ผมยืนถือชามข้าวต้มค้างอยู่แบบนั้น
อ้าวที่รัก ทำไมยังยืนถือข้าวต้มอยู่อย่างนี้ล่ะครับ ไม่เข้าไปในห้องซักทีล่ะ เดี๋ยวคุณพ่อก็มา…ผมได้ยินเสียงของพี่ซี ก็รีบวางชามไว้ที่อื่นก่อนจะถลาเข้ากอดพี่ซีระเบิดร้องไห้เสียงดังลั่น ทำเอาร่างสูงที่ได้ยินถึงกับตกใจกอดตอบผมทันที …ที่รักเป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไม
แต่ผมไม่ตอบครับ ได้แต่กอดพี่ซีร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนหมดแรงแล้วเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

หลังจากที่ร่างบางร้องไห้จนหลับไปแล้ว ผมก็อุ้มคนรักขึ้นมานอนบนเตียงในห้องนอนของผม
ซี ลูกเรนเป็นอะไรไปหรือสงสัยยัยดีไปบอก ทำให้คุณแม่รีบเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ แค่ร้องไห้จนเหนื่อยแล้วหลับไป ผมตอบพลางเกลี่ยน้ำตาให้กับร่างบางเบามือ ว่าแต่คุณพ่อละครับคุณแม่
อ้อ เมื่อกี้แม่เห็นพ่อขับรถออกไปทำงานแล้วล่ะ แต่แปลกจริงทำไมถึงไม่ยอมทานข้าวเช้าก่อนไปด้วยก็ไม่รู้ คุณแม่พูดพลางเดินมานั่งลงข้างเตียงที่ผมนั่งอยู่ คำพูดของคุณแม่ทำเอาผมมุ่นคิ้ว
ไม่ยอมทานข้าวเช้า…น้องเรนร้องไห้
ผมประมวลความคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสรุปเรื่องราวได้ทั้งหมด
สงสัยความลับจะแตกแล้วผมพูดพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปทางคุณแม่ คุณแม่ครับ ฝากคุณแม่ช่วยดูน้องเรนแทนผมที ผมจะออกไปข้างนอกหน่อย ถ้าน้องเรนตื่นก็บอกว่าเดี๋ยวผมมา
ซี ค่อยๆพูดกับคุณพ่อล่ะ อย่าทะเลาะกันจนถึงขั้นตบตีนะ ดูเหมือนคุณแม่เองจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดเหมือนกันกับผม จึงได้พูดห้ามปรามไว้ก่อน
ผมจะพยายามแล้วกันนะครับคุณแม่ผมตอบก่อนจะหอมหน้าผากคนรักเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของพี่ซีแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอจ้ะลูกเรน” เสียงแม่พี่ซีดังขึ้น พอผมหันไปมองต้นเสียงก็พบว่าท่านกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆเตียงที่ผมนอนอยู่ “ไปล้างหน้าล้างตาก่อนซะนะ แล้วค่อยลงไปทานข้าวเช้ากัน”
“คุณแม่ครับ แล้วพี่ซี...” ผมถามหาพี่ซีเมื่อไม่เห็น
“เดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้วจ้ะ ไปทำธุระนิดหน่อย” คุณแม่ยิ้มตอบกลับมา แต่ท่านปกปิดผมไม่ได้หรอกครับ เพราะแววตาของท่านไม่ได้ยิ้มไปด้วย
อย่าบอกนะว่า...
“คุณแม่ช่วยบอกผมทีเถอะครับว่าพี่ซีไปไหน!

หลังจากขับรถมาที่บริษัท ผมก็บุกเข้ามาในห้องทำงานของคุณพ่อโดยไม่เคาะประตูให้เสียเวลา แน่นอนว่าทำเอาคุณพ่อที่กำลังนั่งดูเอกสารอยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง
นี่มันเวลาทำงาน มีอะไรให้ไปคุยกันที่…”
ทำไมคุณพ่อถึงพูดทำร้ายจิตใจน้องเรนด้วยครับ ผมพูดเปิดประเด็นขึ้นมาเลยทันที ซึ่งทำเอาคนฟังถึงกับมุ่นคิ้ว เขาอุตส่าห์ตื่นแต่เช้าทุกวันเพื่อทำข้าวต้มให้คุณพ่อได้ทาน แต่คุณพ่อกลับ…”
ฉันไม่ได้ขอให้เขาทำร่างสูงวัยพูดตอบทันทีโดยไม่รอให้ผมพูดจบ
แต่คุณพ่อน่าจะลองเปิดใจยอมรับดูบ้าง ผมเองก็เถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ด้วยเช่นกัน พวกผมไม่ได้ทำอะไรผิด แค่รักกันเท่านั้น ทำไมคุณพ่อถึงจงเกลียดจงชังนัก ความรักมันจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องเป็นชายหญิงเท่านั้น ใครเป็นคนกำหนด แล้วทุกวันนี้ที่คุณพ่อได้ทานอาหาร ได้ดื่มนม มันก็เป็นฝีมือพวกผมสองคนทั้งนั้น ถ้าคุณพ่อไม่เชื่อ คุณพ่อก็ลองถามคุณแม่ดูได้
พอผมพูดจบ อีกฝ่ายก็ลุกขึ้นยืน
ไม่มีถามอะไรทั้งสิ้น กลับบ้านไปซะ เพราะฉันจะออกไปข้างนอก แล้วคุณพ่อก็กดปุ่มโทรศัพท์ก่อนจะกรอกเสียงลงไป บอกให้คนเตรียมรถออกภายในห้านาที
ครับท่านประธาน
แล้วคุณพ่อก็เดินออกไปจากห้องทำงานทันที ทำให้ผมต้องรีบก้าวเท้าตามคุณพ่อไป
ผมยังพูดไม่จบ คุณพ่ออย่าพึ่งหนีไปสิครับ!แต่คุณพ่อไม่ฟัง กลับจ้ำเท้าเดินอย่างเร็ว ซึ่งผมก็ไม่ยอมแพ้ เดินตามท่านไปจนถึงหน้าบริษัท คุณพ่อครับ ได้โปรดฟังผมก่อน
คนเป็นพ่อกำลังจะเดินขึ้นรถก็ได้หันหน้ามาทางผมด้วยสายตาดุดัน
เงียบ! มีอะไรไว้ไป…คุณพ่อพูดยังไม่ทันจบ ผมได้ยินเสียงคุ้นหูตะโกนเรียกผมกับพ่อเสียก่อน
พี่ซี คุณพ่อระวัง!
เอี๊ยด! โครม!!

เอี๊ยด! โครม!!
เสียงรถปะทะกันดังสนั่น ก่อนที่ผมกับลูกซีจะถูกใครบางคนผลักให้กระเด็นออกจากตัวรถ ครั้นพอผมล้มลงไปกับพื้นแล้วก็หันไปมอง ก่อนจะตกตะลึงเมื่อพบว่าคนรักของลูกตัวเองนอนสลบกับพื้นที่ข้างตัวรถยนต์ของผมที่ถูกรถยนต์ปริศนาเข้าพุ่งชน
!!!!!!
เรน!เสียงลูกผมกรีดร้องเรียกคนรักด้วยความเจ็บปวด ผมได้ยินเสียงรถยนต์อีกครั้งจึงรีบหันไป เห็นรถยนต์คู่กรณีที่วิ่งมาชนนั้นได้เชนเกียร์ถอยหลังอย่างรวดเร็วก่อนจะขับออกไปจากที่นี่ทันที พอผมหันไปมองลูกชายอีกที ก็พบว่าเจ้าตัวได้วิ่งเข้าไปอุ้มคนรักแล้ว เรน คุณอย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะ ลืมตามองผมสิครับ
ไม่นึกเลยว่าเด็กคนนั้นจะกล้าเอาชีวิตตัวเองเข้ามาแลกเพื่อผมกับลูกชาย…
ลูกรีบอุ้มน้องขึ้นรถเร็ว เดี๋ยวพ่อขับรถพาไปส่งโรงพยาบาลให้! ผมพูดเตือนสติ ก่อนจะพุ่งขึ้นรถคันที่ถูกชน เพราะมันโดนชนแค่สีข้างก็เลยไม่เป็นอะไรมาก พอขับต่อไปได้ ซึ่งลูกชายตัวดีรีบอุ้มร่างบางขึ้นรถตามคำสั่งก่อนที่ผมจะใส่เกียร์ก่อนจะเหยียบคันเร่งไปโรงพยาบาลทันที

ครึ่งชั่วโมงหลังจากคนรักของผมได้ถูกส่งตัวเข้าห้องไอซียู ซึ่งผมได้ยืนวนเวียนไปมาหน้าบานประตูทางเข้าอย่างร้อนรน ส่วนคุณพ่อนั้นหายหัวไปเลยตั้งแต่พาผมกับน้องเรนมาที่โรงพยาบาล แน่นอนว่าช่วงระหว่างที่รอคอยอันยาวแสนนาน ก็ได้มีพวกเพื่อนของน้องรินโทรมาบอกข่าวของรินว่าตอนนี้ได้ถูกน้องบอยส่งไปที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่ผมอยู่ แน่นอนว่าผมถูกน้องบอยด่าอย่างไม่ไว้หน้า ว่าทำไมถึงปล่อยให้เรนประสบอุบัติเหตุรถชนได้ ผมก็เลยได้แต่พูดขอโทษมันเพียงคำเดียวครับ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ของน้องเรนน้องริน รวมถึงคุณแม่ของผมกับยัยดีก็ได้แห่กันมาที่โรงพยาบาล (รู้สึกเหมือนคุณพ่อจะไปดูน้องรินทางนู้นนะครับ) แน่นอนว่าผมได้แต่นั่งคุกเข่าก้มหน้าขอโทษคุณแม่ของน้องเรนที่ทำให้ลูกชายทั้งสองคนต้องเป็นแบบนี้
“อย่าโทษตัวเองเลยลูกซี ลุกขึ้นเถอะจ้ะ” ถึงแม้น้ำตาของท่านจะไหลอาบแก้ม แต่ท่านก็ไม่ได้คิดจะลงโทษผมแต่อย่างใด “ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าหรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ทางที่ดีเรามาภาวนาให้เรนกับรินปลอดภัยดีกว่านะจ้ะ”
ท่านเข้มแข็งมาก ผิดกับหัวใจของผมที่แทบจะสลายได้ทุกเมื่อ
ว่าแต่พ่อเราไปไหนซะแล้วล่ะซีคุณแม่ผมถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมรู้ดีว่าท่านพยายามอดกลั้นไม่ให้ร้องไห้ต่อหน้าคุณแม่ของน้องเรน เห็นมาด้วยกันไม่ใช่หรือ
ผมไม่ทราบครับ พอมาส่งโรงพยาบาลเขาก็หายไปเลย
แย่จริงๆ เป็นพ่อที่ใช้ไม่ได้!คุณแม่บ่นอย่างหัวเสีย ซึ่งผมไม่สนใจหรอกครับว่าคุณพ่อจะไปทำอะไรที่ไหน ผมสนแต่ว่าเมื่อไหร่คุณหมอจะเดินออกมาจากห้องไอซียูเท่านั้น
พระเจ้า ได้โปรดช่วยคนรักของผมด้วย…

ผม ไอ้แว่น และไอ้ไอซ์ต่างวิ่งกระหืดกระหอบมาโรงพยาบาลทันทีที่ทราบข่าว เมื่อไปถึงที่นั่นก็พบคุณแม่ของไอ้ซี คุณแม่ของน้องเรนน้องรินนั่งอยู่หน้าห้องไอซียู ส่วนไอ้ซีหรือครับ ยืนอยู่หน้าประตูห้องไอซียูอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้มันจะไม่ร้องไห้ออกมาให้ใครเห็น แต่ผมรู้ดีว่าตอนนี้มันกำลังเสียใจแทบเป็นบ้าเป็นหลัง
ขอบคุณที่มานะจ้ะเด็กๆ นี่ถ้าน้องเรนรู้เข้าคงดีใจมาก คุณแม่น้องเรนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ครับคุณแม่แล้วผมก็เดินเข้าไปหาไอ้ซี ก่อนจะตบไหล่มันเบาๆ อย่าคิดมากนะมึง กูเชื่อว่าน้องเรนต้องไม่เป็นอะไรมาก
อืม ขอบใจวะไอ้ออยมันพูดขอบคุณผม ผมรู้ดีว่ามันเจ็บมากที่ทำอะไรไม่ได้ แล้วไอ้แว่นกับไอ้ไอซ์เข้ามาพูดปลอบใจไอ้ซีต่อ แล้วพวกผมรอได้ไม่นานนัก ประตูห้องไอซียูก็เปิดออก เผยให้เห็นคุณหมอในชุดผ่าตัดสีเขียวเดินออกมา ทำเอาทุกคนรีบถลาเข้าไปรุมคุณหมอทันที
คุณหมอ น้องเรนเป็นยังไงบ้างครับ!ไอ้ซีถามก่อนใครเขาเลยครับ
ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ เพราะมีแค่รอยช้ำที่เอว กับแขนซ้ายที่หักเพราะได้เอาแขนลงพื้น ส่วนที่ศีรษะมีแตกตรงหน้าผาก ซึ่งหมอได้เย็บให้เรียบร้อยแล้วครับ ที่เหลือก็รอแค่ให้คนไข้ฟื้นเอง แต่หมอต้องให้คนไข้นอนดูอาการที่ห้องไอซียูไปก่อนนะครับ เพราะต้องรอดูอาการเป็นระยะๆคำพูดของหมอทำเอาทุกคนถึงกับโล่งอก ถ้ายังไงก็ขอเชิญคุณแม่คนไข้ไปคุยเรื่องอาการคนไข้ด้วยครับ
ค่ะ
แล้วคุณแม่ของน้องเรนก็เดินตามคุณหมอไป พอผมหันไปอีกที ไอ้ซีก็ถลาเดินประตูเข้าไปในห้องไอซียูด้วยความรวดเร็ว ทำเอาคุณแม่ของไอ้ซีกับพวกผมรีบตามมันเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วพวกผมก็ได้เห็นร่างบางนอนหลับนิ่งอยู่บนเตียง ที่แขนถูกเข็มน้ำเกลือเจาะสายระโยงระยายอยู่เต็มไปหมด ที่ศีรษะมีผ้าพันแผลคาดหัวอยู่ กับแขนซ้ายถูกใส่เฝือกอยู่ ส่วนไอ้ซีหรือครับ ตอนนี้มันยืนน้ำตาไหลอาบแก้มอยู่ข้างเตียงจับมือบางข้างที่ไม่ได้เป็นอะไรขึ้นมาจุมพิตเบาๆ
ที่รัก ผมรักคุณนะ รีบฟื้นขึ้นมาไวๆนะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น