ตอนที่ 17 คุ้มค่าทุกนาที
คืนนั้นผมได้บอกเรื่องที่คืนดีกับไอบอยให้รินฟังแล้ว
ซึ่งน้องชายผมก็ไม่ได้ว่าอะไร
พอรุ่งเช้าถัดมาวันนี้ผมไม่ต้องออกไปมหาลัยพร้อมกับพี่ซี
เพราะอีกฝ่ายบอกว่ามีเรียนแต่เช้า (ผมกับรินมีเรียนตอนบ่ายครับ) เมื่อถึงตอนเที่ยงผมกับรินก็ไปทานข้าวพร้อมกัน
(ไม่ได้ทานที่มหาวิทยาลัยหรอกครับ กลัวมีคนรู้จักเห็นซะก่อน)
พอทานเสร็จผมก็ขับรถไปส่งรินก่อนจะขับรถไปตึกคณะตัวเอง
เมื่อไปถึงแล้วก็เดินตรงไปที่ห้องเรียนก่อนเลย แน่นอนว่าพอเปิดประตูเข้าไป
ผมก็เห็นไอ้บอยนั่งอยู่หลังห้องแล้ว
(มันยิ้มกับโบกมือเรียกให้ผมทันทีที่เห็นเลยครับ
ส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็นั่งจับเข่าคุยกันอยู่) ซึ่งผมก็ยอมไปนั่งกับมันนะครับ
แต่นั่งแบบห่างเว้นหนึ่งที่เพื่อความปลอดภัย
พอมันเห็นผมนั่งห่างๆแล้วถึงกับเบ้ปากทันที
(มันคงรู้ตัวดีว่าทำไมผมถึงไม่นั่งใกล้กับมันนะครับ)
ตอนเรียนก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ เพราะต่างคนต่างนั่งเรียนของตัวเองไป
บางเวลาผมเห็นมันแอบชำเลืองมองมาที่ผมด้วย
จนแล้วจนรอดมันก็ส่งข้อความทางกระดาษมาให้ผมครับ
กูขอจีบมึงได้ไหมครับเรน
น่าน ไอ้นี่ ได้คืบจะเอาศอก
เมื่อวานปากบอกว่าจะฟีทเจอริ่งกับผม พอมาวันนี้อยากจะจีบผมแทน
ผมคิดได้ดังนั้นจึงเขียนข้อความกลับไปว่า ‘เป็นแค่เพื่อนกันไปก่อนนะ’ ซึ่งพอมันได้อ่านถึงกับเม้มปากนิดๆ ก่อนจะก้มลงเขียนอะไรบางอย่างยิกๆ
แล้วยื่นกระดาษส่งมาให้ผม
เป็นเพื่อนกันก่อนก็ได้ครับเจ้าหญิงตัวน้อยของผม
^O^
พอหมดชั่วโมงเรียน (อีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเรียกรวมห้องเชียร์ครับ)
รุ่นพี่ก็เรียกให้ผมกับกิ๊ฟไปซ้อมดนตรี
แน่นอนว่าไอ้บอยก็เดินตามพวกผมมาห่างๆด้วยครับ
แต่โชคดีที่รุ่นพี่ไม่ยอมให้ไอ้บอยเข้าไปชม เพราะกลัวจะทำให้พวกผมเสียสมาธิเอาได้
พอซ้อมเสร็จก็เดินออกมา เห็นไอ้บอยนั่งกดมือถือรออยู่ด้านหน้าห้องซ้อมแล้ว
“อ๊ะ มึงซ้อมเสร็จแล้วเหรอเรน” มันสะดุ้งถามเมื่อเห็นผมกับกิ๊ฟเดินออกมาข้างนอกห้องแล้ว
“อืม” ผมตอบสั้นๆ
ก่อนจะหันไปทางกิ๊ฟ “ที่เหลือกิ๊ฟก็ไปซ้อมร้องให้ดีนะ
เพราะไม่จำเป็นต้องซ้อมพร้อมกันอีก โอเค?”
“จ้า เรนเองก็อย่าลืมไปซ้อมอู๊คมาให้ดีล่ะ”
“ครับ” แล้วกิ๊ฟก็ขอตัวไปหาเพื่อน
เหลือแต่ผมกับไอ้บอยยังคงอยู่
“นี่ก็เย็นแล้ว
มึงจะไปกินข้าวกับกูก่อนเข้าห้องเชียร์ไหม” ไอ้บอยถาม
(คณะผมไม่ได้หยุดเหมือนคณะของรินครับ)
ซึ่งก่อนหน้านี้พี่ซีได้ส่งข้อความมาว่าจะมารับผมไปทานข้าวเย็นด้วย
ทำเอาผมต้องรีบส่งข้อความไปบอกให้รินเดินมาที่คณะศึกษาคอยอยู่เข้าห้องเชียร์แทนผม
เพราะเดี๋ยวผมจะเป็นคนไปกับพี่ซีเอง (รินกลัวพี่ซีครับ)
“ไม่ล่ะ กูจะไปห้องน้ำ
มึงรออยู่นี่แหละไอ้บอย” ผมบอกปัดพลางหมุนตัวเดินไปอีกทาง
แต่ก็ต้องชะงักเพราะโดนมือหนาคว้ามือเอาไว้ “จับมือกูทำไม
กูจะไปห้องน้ำ”
ผมพูดพลางสะบัดมือมันออก ซึ่งมันก็ยอมปล่อยแต่โดยดี
(แต่มันทำหน้างอนครับพี่น้อง)
“งั้นระหว่างที่กูไปห้องน้ำ
มึงก็ไปซื้อขนมมาให้กูแล้วกันไอ้บอย” มันเงยหน้าขึ้นเลยครับ
แถมยิ้มกว้างให้ผมอีก (เหมือนเด็กชะมัด)
“อื้ม ได้สิ” แล้วมันก็วิ่งไปโรงอาหารอย่างร่าเริงทันที
ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจครับ (เหนื่อยที่ต้องรับมือกับเพื่อนตัวเอง)
พอมันไปแล้วผมก็รีบวิ่งไปที่คณะวิศวะอย่างเร็ว
ผมไม่รู้เป็นอะไรกันแน่
พอเรนบอกว่ายอมยกโทษให้แล้วผมถึงกับดีใจจนลืมทุกอย่าง
ลืมได้แม้กระทั่งวิชาที่เรียนในคาบนี้ด้วย หลังจากเรียนจบคลาสผมก็เดินตามเรนไปซ้อมดนตรีกับกิ๊ฟ
(เสียดายที่ไม่ได้เข้าไปข้างใน) แต่ก็ได้ยินเสียงร้องเพลงกับเสียงอูคูเรเร่เล็ดลอดออกมาจากห้องด้วยครับ
(เพราะมากเลยขอบอก)
“อ้าว วันนี้เพื่อนไม่ได้มาซื้อขนมด้วยกันเหรอจ้ะ” แม่ค้าเอ่ยปากถามผม
“อ้อ ไม่ได้มาด้วยกันครับ พอดีเขาไปห้องน้ำ” ผมตอบก่อนหยิบขนมที่คิดว่าเรนน่าจะชอบ
แต่ไปๆมาๆกลับเลือกเยอะเกินจนแม่ค้าแถมน้ำปั่นให้อีกสองแก้ว
(เกือบถือกลับไปไม่ไหวแน่ะ)
ครั้นพอเดินกลับไปก็เห็นร่างบางยืนปาดเหงื่อเหลียวซ้ายแลขวาราวกับมองหาอะไรบางอย่างอยู่
ทำเอาผมอมยิ้มกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่ายอย่างขำๆ
แต่แล้วผมก็นึกเล่นพิเรนทร์อะไรบางอย่างออกมาได้
จึงเดินอ้อมไปด้านหลังของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
วางขนมกับน้ำปั่นไว้กับพื้นก่อนจะเอามือสองข้างปิดตาเรนเอาไว้อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าอีกฝ่ายพอโดนผมปิดตาเข้า ถึงกับสะดุ้งตกใจ “จ๊ะเอ๋! ทายซิใครเอ่ย”
ร่างบางนิ่งเลยครับ สงสัยคงกำลังคิดอยู่ว่าใครมาปิดตาตัวเอง
“บอยใช่ไหม” น่าน
เดาแม่นครับ หึ เดาไม่ถูกก็บ้าแหละ ฟังเสียงก็น่าจะรู้แล้ว แต่ขอเล่นตัวหน่อย
“ม่ายช่าย” ผมแกล้งดัดเสียงครับ
หึๆ ดูซิว่าจะยังทายว่าเป็นผมอยู่อีกรึเปล่า แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เล่นด้วย
ยืนนิ่งจนผมต้องยอมปล่อยมือครับ “เอ่อ กูขอโทษ
กูก็แค่อยากให้มึงหายเครียดก็เท่านั้นเอง”
แล้วผมก็ยืนรอครับ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมหันหน้ากลับมา
แถมตัวสั่นราวกับเหมือนจะร้องไห้ด้วย
“อย่าร้องไห้เลยนะครับเจ้าหญิง ผมขอโทษ
ผมไม่ได้...”
“ฮะ...ฮะ...ฮ่า!” อยู่ๆร่างบางก็หัวเราะเสียงดังลั่น
ทำเอาผมถึงกับมึน เพราะไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงหัวเราะออกมา “ฮะๆ มึงนี่ก็ตลกดีนะ เล่นปิดตาซ่อนแอบเป็นเด็กจนกูกลั้นหัวเราะไม่ไหวแน่ะ
ฮะๆ”
ร่างบางหันหน้ามายิ้มหัวเราะก่อนจะเอามือตบไหล่ผมสองสามทีด้วย
ทำเอาผมที่กำลังเอ๋อแดกถึงกับบางอ้อเลยครับ ที่แท้เรนกำลังแอบหัวเราะอยู่นี่เอง
ไม่ใช่ร้องไห้อย่างที่ผมเข้าใจ
แสบนักนะเจ้าหญิงตัวน้อยของผม
หลังจากนั้นผมกับเรนก็นั่งทานขนมด้วยกันจนหมด
ก่อนจะเดินเข้าห้องเชียร์พร้อมกันอย่างหน้าชื่นตาบาน(?)
“ขอป๊อปคอร์นรสหวานกับน้ำเป๊ปซี่หนึ่งแก้วครับ”
“ได้ค่ะ กรุณารอซักครู่” เสียงพนักงานบอก
ก่อนที่ผมจะหันไปมองร่างบาง ซึ่งบัดนี้กำลังเงยหน้ามองรายชื่อหนังภาพยนตร์อยู่
ฟังไม่ผิดหรอกครับ
ตอนนี้ผมกับน้องรินกำลังอยู่โรงภาพยนตร์ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
เมื่อเย็นผมส่งข้อความไปว่าจะพาไปทานข้าวกับดูหนัง
ไม่นานเกินรอร่างบางก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหาผมที่ลานจอดรถ
“ไปทำอะไรมาเหรอครับที่รัก
ถึงได้วิ่งหอบมาแบบนี้” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
ซึ่งกว่าร่างบางจะตอบก็ใช้เวลาพักหายใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ผมกลัวพี่ซีจะรอนานก็เลยวิ่งมานะครับ”
ช่างเป็นคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ ทำเอาผมอยากครอบครองร่างบางเร็วมากขึ้นแล้วสิครับ
พอได้ของกินแล้วผมก็เดินกลับไปหาคนรักต่อ
“ว่ายังไงครับที่รัก อยากดูหนังเรื่องอะไรเอ่ย” ร่างบางได้ยินที่ผมพูดก็หันมาตอบผมว่า
“ยังไม่รู้เลยครับ เพราะมันน่าดูหมดเลย อ๊ะ ขอบคุณครับ”
รินพูดขอบคุณพลางรับป็อปคอร์นที่ผมยื่นให้ไปถือเอาไว้แนบอก “พี่ซีมาช่วยผมคิดหน่อยสิครับว่าจะดูหนังเรื่องอะไรดี”
“อืม นั่นสินะ จะเอาเรื่องอะไรดี”
ผมพูดพลางแสร้งเดินเข้าไปประชิดร่างบางเพื่อดูรายชื่อหนังภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในวันนี้
(เนียนครับเนียน) ก่อนที่ผมจะได้กลิ่นหอมของแป้งเด็กลอยมาจากน้องริน (อื้อหือ
หอมจังเลยครับผมชอบ) แต่ไปซักพักดูเหมือนร่างบางจะรู้ตัวแล้วนะครับ
ถึงได้นิ่งไม่ขยับ (อายจนหูแดงเลยครับ) “งั้นเอาเรื่องนี้แล้วกัน ผมชอบ”
แล้วผมก็จับมืออันบอบบางของน้องรินไปเข้าแถวซื้อตั๋ว
เมื่อเรียบร้อยแล้วก็จูงร่างบางเดินเข้าโรงหนังไป ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี
(เห็นเงียบๆแต่หน้าเน้อแดงไปหมดแล้วครับ หึๆ)
ส่วนหนังที่ผมเลือกมาดูก็จะเป็นแนวบู้ครับ (ฮั่นแน่ คิดว่าผมเลือกหนังแนวรักล่ะสิ
แต่วันนี้มันไม่มีนะครับ ฮะๆ) ซึ่งระหว่างที่หนังฉาย ผมก็แอบจับมือร่างบางบ้าง
ไม่ก็ดูดน้ำแก้วเดียวกันบ้าง (เหมือนจูบทางอ้อมเลยนะครับ หึๆ)
แต่พอไปได้ครึ่งเรื่อง ร่างบางเอาหัวมาเอนซบไหล่ผม
(สงสัยไม่เคยดูแนวนี้ก็เลยหลับไปครับ)
ผมก็ได้แต่อมยิ้มก่อนจะแอบหอมแก้มน้องรินเบาๆ (เนียนได้โล่เลยครับ)
แล้วหันไปดูหนังต่อโดยที่มือผมยังกุมมือร่างบางอยู่อย่างนั้นไปจนจบเรื่อง
การเดทกับพี่ซีครั้งนี้ผมรู้สึกว่าพี่ซีจะรุกผมหนักขึ้น(?)
นับตั้งแต่ทานข้าวด้วยกันจนกระทั่งไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์
ไม่ว่าจะเป็นการจับมือถือแขน หอมแก้มหอมมือ เขยิบเข้ามาชิดใกล้
ดูดน้ำจากหลอดเดียวกัน หรือแม้กระทั่งตอนทานป็อปคอร์น พี่ซีก็จะดึงมือผมที่มีเศษป็อปคอร์นขึ้นมาเลียนิ้วผมอีกด้วย
ช่วงที่หนังฉายผมเผลอหลับไป (แต่ตอนนั้นผมรู้สึกว่าพี่ซีจะแอบหอมแก้มผมด้วยนะครับ)
พอหนังจบพี่ซีก็ปลุกผมให้ตื่น ก่อนจะพาผมเดินออกไปหาอะไรทาน
(เลยมื้อเย็นมามากแล้วครับ เริ่มหิวแล้วด้วย แหะๆ)
ซึ่งร้านที่พี่ซีพาผมเข้าไปนั้นเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นครับ
“นั่นรินไม่ใช่เหรอ รินทางนี้ๆ” เสียงคุ้นหูเรียกผมครับ
ทำเอาผมกับพี่ซีหันไปมองก่อนจะพบสี่หน่อกำลังทานอาหารญี่ปุ่นอยู่ “มาทานอาหารกับพี่ซีเหรอ หึๆ”
ไอ้หนึ่งแซว ไอ้ผมก็สวนกลับไปสิครับ
“เอ้าไอ้นี่ มาอาบน้ำมั้งถามมาได้”
“พอเลยทั้งคู่ เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องกัดกันทุกที” พุพูดตัดบทด้วยความรำคาญ
ก่อนจะหันไปมองพี่ซี “พี่ซีจะมาทานร่วมกับพวกเราด้วยไหมครับ”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน ที่รัก ไปนั่งกันเถอะครับ” พี่ซีตอบก่อนจะหันมาชวนผมไปนั่ง
ซึ่งผมรึจะกล้าแย้ง มีแต่เดินตามหลังไปนั่งกับพี่ซี (โดนจูงมืออยู่ครับ) “ว่าแต่พวกคุณสั่งอาหารไปแล้วรึยัง”
“ยังครับพี่ซี พวกผมเพิ่งจะมาถึงเมื่อตะกี้เอง” อาร์ทตอบเสียงแจ๋ว
“อืม งั้นเดี๋ยวมื้อนี้ผมเป็นเจ้ามือเอง
ถือซะว่ารุ่นพี่พามาเลี้ยงแล้วกัน” พี่ซีบอก
ซึ่งทำเอาสี่หน่อถึงกับโห่ร้องด้วยความดีใจ เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วพวกมันก็นั่งคุยกับพี่ซีอย่างสนุกปาก
ส่วนผมได้แต่ยิ้มกับนั่งฟังเพียงอย่างเดียว (ก็คนไม่รู้จะพูดอะไรดีนี่ครับ)
“เออริน
มึงมากับพี่ซีแบบนี้พี่มึงไม่ว่าเอาเหรอ” อยู่ๆไอ้หนึ่งก็พูดขึ้นมา
ทำเอาผมสะดุ้งเล็กน้อย
“นั่นสิ ปกติพี่มึงเป็นคนหวงมึงจะตาย
เวลาไปกับใครต้องถามว่าคนนี้เป็นใคร บ้านอยู่ไหน รู้จักกับรินได้ยังไง
อะไรประมาณนี้” ไอ้เต้พูดเสริม ทำเอาผมเหงื่อตกครับ
เพราะดูพี่ซีตั้งใจฟังที่ไอ้เต้พูดเหลือเกิน “เอ
หรือว่ามึงแอบออกมาไม่ให้พี่มึงรู้นะ เฮ้ย ไม่เอานะเว้ย
เดี๋ยวพี่มึงโทรตามจิกพวกกูเอาตายแน่ มึงรีบโทรบอกพี่มึงเลยไอ้ริน”
“เอ่อ เรื่องนั้นพี่เค้ารู้แล้วล่ะ
ไม่ต้องโทรไปบอกหรอก” ผมรีบพูดตอบกลับไป
“เฮ้ยไม่ได้เว้ย
เดี๋ยวก็เหมือนกับคราวก่อนหรอก อาร์ทจำได้ไหมไอ้ตอนที่มีคนมาจีบรินตอนอยู่มัธยมนะ”
ไอ้หนึ่งพูดพลางหันไปถามอาร์ท “ตอนนั้นพี่มันก็รู้นะว่าใครมาจีบริน
แต่ก็ไม่รู้ว่ารินพาไอ้นั่นออกมาข้างนอกกับพวกเราแบบนี้แหละ”
“ใช่ๆ แล้วพอพี่ของรินมาเห็นเข้า
ก็โกรธด่าพวกผมไม่ยั้ง หาว่าพวกผมปิดบังเรื่องเดตไม่ให้พี่เค้ารู้” อาร์ทพูดต่อ ส่วนผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก็ตอนนั้นผมมาวีนพวกมันจริงครับ
(ตอนนั้นโกรธมากเลยด้วย)
“แล้วไงต่อครับ” ดูเหมือนพี่ซีจะสนใจตัวผมมากก็เลยถามต่ออีก
“แล้วทีนี้พอด่าพวกผมเสร็จ
ก็หันไปเอาเรื่องกับคนที่มาจีบรินด้วยครับพี่ซี
แทบจะไล่คนนั้นเตลิดจนไม่คิดกลับมาจีบรินอีกเลย” ไอ้หนึ่งยังต่อครับ
(ฮึ่ม ผมอยากจะฆ่ามันเหลือเกิน พูดอยู่ได้นะไอ้เรื่องของผมเนี่ย) “พี่ซีเองก็ระวังตัวด้วยนะครับ ถ้าพี่ของรินรู้เข้า
มีหวังพี่ซีได้ปะทะคารมกับพี่ของรินอย่างแน่นอน”
“ฮะๆ ถ้าได้ก็ดีสิ
ผมจะได้เข้าไปทำความรู้จักกับพี่ของคุณริน ว่าแต่พี่ของคุณรินชื่ออะไรเหรอครับ”
“อ้าวนี่รินยังไม่ได้เล่าเรื่องพี่ชายตัวเองให้พี่ซีรู้อีกหรือครับเนี่ย” ไอ้เต้พูดด้วยความมึนงง
“ยังเลยครับ
แค่บอกว่ามีพี่ชายเรียนอยู่ปีหนึ่งคณะศึกษาศาสตร์เท่านั้น”
“ฮะๆถ้างั้นเดี๋ยวผมเล่าประวัติพี่ชายของรินให้พี่ซีฟังเองครับ” ไอ้หนึ่งพูดไปหัวเราะไปพลาง แต่ผมสิ นั่งลุ้นจนไม่ติดเก้าอี้แล้ว
(เพราะไม่รู้จะหาอะไรมาอุดปากมันดี) “พี่ชายของรินชื่อเรนเป็นฝา…”
Trr…
เสียงมือถือดังขึ้นทำเอาน้องหนึ่งที่กำลังเล่าเรื่องพี่ชายของรินให้ฟังผมถึงกับหยุดชะงัก
“เดี๋ยวพี่ขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะครับ” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปคุยโทรศัพท์
ซึ่งคนโทรมาหาผมนั้นเป็นไอ้ออยครับ มันโทรมาชวนผมไปดื่มเหล้า
แต่ผมบอกปัดไปว่ามีเดตกับน้องริน มันก็เลยไม่ว่าอะไร
แถมมีแซวผมว่าคืนนี้อย่าฟีทเจอริ่งน้องจนดึกด้วย
(ไอ้ผมก็สวนไปสิครับว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน จะทำได้ยังไงกันเล่าจริงไหมครับ)
พอคุยเสร็จผมก็เดินกลับมาอีกที เห็นพวกน้องเต้ทำหน้าปุเลี่ยนๆ “อ้าว เป็นอะไรเหรอครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“ไม่มีอะไรครับ ไม่มี แหะๆ” น้องหนึ่งพูดตอบไปหัวเราะไป
“ว่าแต่เมื่อกี้พี่ชายของคุณรินชื่อเรนใช่ไหมครับ
แล้วที่ว่าเป็นฝาอะไรเนี่ย ฝาอะไรเหรอครับ” ผมความจำแม่นครับ
ต่อให้ใครพูดอะไรค้างไว้ผมก็ยังจำได้ไม่มีลืม
“อ้อ
พี่เรนเขาเป็นคนฝากรินให้พวกผมช่วยดูแลนะครับ” น้องหนึ่งยิ้มตอบ
“งั้นเหรอ
อืม ก็ดูสมเป็นพี่ชายดีนะครับ” ผมพูดพลางหันหน้าไปทางคนรัก
ซึ่งตอนนี้ได้หันมามองทางผมด้วย “เพราะถ้าเป็นผม ผมเองก็คงเป็นห่วงคุณรินเหมือนกัน
ก็น่ารักซะขนาดนี้ ใครไม่หวง เอ๊ย ห่วงก็บ้าแล้วล่ะครับ”
พอผมพูดจบ
ร่างบางถึงกับหน้าขึ้นสีทันที (แหมอายได้น่ารักจังเลยนะครับที่รักของผม)
เมื่ออาหารถูกเสิร์ฟ พวกผมก็ลงมือทานกัน ซึ่งระหว่างทานก็นั่งคุยไปด้วยพร้อมกัน
ดูครึกครื้นดี ผมชอบครับ พอทานอาหารเรียบร้อยกันแล้ว
ผมก็เป็นฝ่ายจ่ายเงินก่อนที่พวกเด็กๆจะขอตัวกลับบ้าน ส่วนผมก็ขับรถพาน้องรินกลับไปส่งที่บ้าน
“ขอบคุณนะครับพี่ซีที่อุตส่าห์มาส่ง
วันนี้สนุกมากเลยครับ”
“ครับ ผมเองก็สนุกเหมือนกัน”
ว่าแล้วก็ไม่ลืมโน้มตัวจุ๊บปากร่างบางเบาๆ “คืนนี้นอนหลับแล้วอย่าลืมฝันถึงผมด้วยนะครับที่รัก”
อีกฝ่ายพอโดนผมจุ๊บปากถึงกับหน้าขึ้นสี
ก่อนจะรีบลงจากรถเข้าบ้านไปโดยไม่หันมามองผมอีกเลย
หึ
วันนี้ช่างเป็นวันเดตที่คุ้มค่าทุกนาทีจริงๆเลยนะครับว่าไหม