ตอนที่ 44 ยัยตัวแสบ
พอย้ายพี่ซีกับบอยกลับมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯแล้ว
ผมกับรินก็เทียวไปเทียวมาอยู่สามที่ บ้าน มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาล
แต่พักแค่สองวันคุณหมอก็อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ
เนื่องด้วยบอยมันอยู่บ้านคนเดียว แถมขาก็เดี้ยง ไม่สะดวกที่จะทำอะไรตามลำพังได้
(เห็นว่าพ่อบอยไม่ได้มานอนที่บ้านด้วย)
คุณพ่อกับคุณแม่ก็เลยชวนบอยให้มานอนพักรักษาตัวที่บ้านครับ
แถมนอกจากนี้พวกท่านยังได้ชวนพี่ซีมาค้างด้วย
(ในฐานะว่าที่ลูกเขยทั้งคู่นั่นแหละครับ)
ก็เลยทำให้ที่บ้านตอนนี้ดูครึกครื้นเป็นพิเศษ (คุณแม่ของพี่ซีกับยัยดีมาเที่ยวบ้านผมด้วยครับ)
“ทานเยอะๆ ไม่ต้องเกรงใจ ฮะๆ” คุณพ่อพูดเสียงดังหลังจากเมาได้ที่
(พวกเรากินหมูกระทะกันครับ)
ทางด้านคุณแม่ผมกับแม่ของพี่ซีต่างก็นั่งคุยไปปิ้งหมูไปอย่างสนุกสนาน
ส่วนพี่ซีก็นั่งดื่มเหล้าด้วยครับ แต่แค่จิบไปกินหมูกระทะไป
(พี่ซีอายุเกินยี่สิบดื่มได้แล้วครับ) แต่กับผม ริน ยัยดี และบอย
คุณพ่อไม่อนุญาตครับ ยังอายุไม่ถึงนะ ฮะๆ แต่ดูเหมือนยัยดีเอาแต่ทานผัก
คุณพ่อก็เลยแซวครับ “เป็นสาวเป็นแส้ จะกลัวอ้วนทำไม ทานเยอะๆเลย”
ยัยดีแอบเบ้ปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา (ทุกคนหัวเราะครับ)
“ที่รักอย่าดื่มน้ำอัดลมเยอะนะครับ” พี่ซีบอกด้วยความเป็นห่วง
ก่อนจะคีบเนื้อหมูกับผักใส่จานให้ผม “อ่ะ ผมคีบให้ กำลังสุกได้ที่เลย”
“ขอบคุณครับพี่ซี”
ผมยิ้มตอบก่อนจะคีบเนื้อเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
ส่วนไอ้บอยกับรินก็นั่งกินหมูกระทะข้างกันด้วยครับ แต่สองคนนี้นั่งกินกันแบบเงียบๆ
(คงอายมั้งครับ) จะว่าไปตั้งแต่ได้ยินเรื่องที่รินเล่าให้ผมฟังกันแค่สองคน
ว่าพ่อของบอยเอาเงินฟาดหัวเพื่อต้องการให้รินเลิกกับบอยแล้ว
ทำเอาผมกลุ้มใจแทนรินจริงๆครับ (รินสารภาพกับผมว่าได้บอกรักบอยแล้ว)
ซึ่งรินยังฝากบอกผมอีกว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด โดยเฉพาะบอยยิ่งแล้วใหญ่
แน่นอนว่าผมไม่บอกหรอกครับ เพราะไม่อยากให้สองพ่อลูกต้องผิดใจกัน
พอทานหมูกระทะเสร็จ
ก็ช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดก่อนที่คุณแม่พี่ซีกับดีขอตัวกลับบ้าน
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยคุณแม่ก็ไล่ทุกคนไปอาบน้ำ พออาบเสร็จผมก็มานั่งอ่านหนังสือติวกับไอ้บอยเตรียมตัวที่จะสอบในวันรุ่งขึ้น
ส่วนรินก็ได้พี่ซีช่วยติวหนังสือให้
ก๊อก ก๊อก
“เด็กๆ หยุดมือแล้วมาดื่มนมอุ่นกันก่อนเถอะจ้ะ”
คุณแม่เคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา แลเห็นมือของคุณแม่ถือถาดขนาดใหญ่
ซึ่งมีแก้วนมสี่ใบวางอยู่บนนั้นด้วย
“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมขอโทษด้วยที่อุตส่าห์เอามาให้ดึกๆ
รบกวนเวลานอนของคุณแม่แย่เลย” บอยพูดพลางรับถาดต่อจากคุณแม่มา
ดูท่าบอยชอบคุยกับคุณแม่มากเป็นพิเศษ (รินเคยบอกว่าแม่ของบอยเสียไปนานแล้ว)
ส่วนคุณแม่ได้ยินที่บอยพูดก็เอามือลูบหัวมันก่อนจะตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่เป็นไรจ้ะลูกบอย เรื่องแค่นี้เอง” พอคุณแม่ไปแล้ว
บอยก็เอาถาดนมมาวางก่อนที่ผม ริน และพี่ซีหยิบกันไปคนละแก้วเพื่อดื่ม
แล้วค่อยนั่งติวหนังสือกันต่อไปอย่างเงียบๆ จนพี่ซีเห็นว่าพอสมควรแล้ว
จึงบอกให้ทุกคนเข้านอนเพราะจะได้ตื่นเช้าไปมหาวิทยาลัยพร้อมๆกัน
รุ่งเช้าทั้งผมทั้งรินทั้งพี่ซีทั้งบอยต่างเดินทางไปมหาวิทยาลัยด้วยรถคันเดียวกันพร้อมๆกันอีกครั้ง
แน่นอนว่านี่เป็นคำสั่งของคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้พวกเราประหยัดค่าน้ำมัน
(แจ่มมากครับ) ส่วนคนขับก็ไม่พ้นพี่ซี พอไปถึงมหาวิทยาลัยพี่ซีก็ขับไปส่งผมกับบอย
ก่อนจะขับไปที่คณะตัวเองพร้อมกับริน
แต่เนื่องจากพี่ซีกลัวว่าผมจะถูกคนทำร้ายร่างกายอีก จึงบอกให้ผมอยู่กับบอยตลอดเวลา
(ดีกว่าอยู่ตัวคนเดียวจริงไหมครับ) ซึ่งไอ้บอยก็ยอมให้ผมไปกับมันตลอดเวลา
เพราะมันเองก็กลัวผมโดนคนทำร้ายร่างกายเหมือนกัน การสอบช่วงเช้าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ผมรู้สึกว่าไม่เสียแรงที่ได้นั่งติวกับบอยเพราะมันออกข้อสอบเกือบหมด
ส่วนไอ้บอยก็บอกว่าพอทำได้เหมือนกัน เนื่องจากวันนี้พี่ซีเองก็ติดสอบ
เลยไม่ได้ขับรถมาทานข้าวเที่ยงด้วยกับผม ผมก็เลยต้องทานข้าวกลางวันกับไอ้บอยแทน
(มันเดินไปไหนไม่สะดวกครับ เพราะต้องใช้ไม้ค้ำเดินตลอดทาง)
“เดี๋ยวกูมานะไอ้บอย เข้าห้องน้ำแป๊ป”
“อืม”
ลืมบอกไปว่าช่วงที่กลับมาบ้าน
ผมได้สารภาพกับมันไปว่าผมไม่ได้ความจำเสื่อม แน่นอนว่าบอยโกรธผมมาก
แต่ก็ได้รินช่วยพูดกล่อมด้วย ทำให้บอยเลิกโกรธผมแต่หันไปทำโทษผมแทน (คอยเป็นเบ๊ซื้อข้าวซื้อของให้มันในตอนช่วงเดินไม่สะดวกนะครับ)
พอเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วผมก็เดินออกมาข้างนอกห้องน้ำ
แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นร่างบางคุ้นตายืนกอดอกเชิดหน้ามองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม
ที่ข้างกายหล่อนมีผู้ชายสูงใหญ่แปลกหน้าสองร่างยืนทำหน้าเหี้ยม
ดูมีพิรุธ…
“คุณต้องการอะไรคุณแพร” ผมถามพลางหาดูทางหนีทีไล่
“หึ ต้องการอะไรหรือ พอดีฉันเห็นว่านายเป็นเกย์
ก็เลยพาของดีมาให้” แค่คำพูดก็รู้แล้วครับว่ายัยแพรหมายถึงอะไร “จัดการกับมันซะ
เอาให้ช้ำหรือให้ตายเลยได้ยิ่งดี!”
“ครับคุณหนู”
!!!!!!
ผมผงะด้วยความตกใจ ครั้นจะก้าวเท้าวิ่งหนีแต่กลับโดนสองร่างยักษ์คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“ช่วยดะ…อุบ” ผมยังไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือก็ถูกมือหนาปิดปากเสียก่อน
เลยได้แต่ร้องครวญครางในลำคอ “อื้อ…อื้อ!”
“หึ คิดจะร้องให้คนช่วยก็สายไปเสียแล้วไอ้วิปริต ไป
จัดการข่มขืนมันซะ”
“ครับ”
!!!!!!
“เที่ยงวันนี้มึงไม่ไปกินข้าวกับเมียมึงรึไอ้ซี”
ไอ้แว่นถามอย่างสงสัยหลังจากพวกผมเดินออกมาจากห้องสอบเมื่อครู่นี้
“ไม่วะ เดี๋ยวกลับมาไม่ทันสอบรอบบ่าย”
ผมตอบก่อนจะหยุดชะงักเดินเมื่อได้ยินเสียงริงโทนมือถือของตัวเอง
ซึ่งทำเอาพวกไอ้แว่นพลอยหยุดเดินตาม ผมได้ยินดังนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาดู
ก่อนจะมุ่นคิ้วเมื่อเห็นรายชื่อของคนที่โทรเข้ามาหา
บาส
“ทำไมไม่รีบรับสายล่ะ” ไอ้ออยถามผมครับ
ก่อนจะชะเง้อมองมือถือ “อ้อไอ้บาสนี่เอง มึงอย่าคิดมากสิวะไอ้ซี
ถึงมันจะทำไม่ดีกับมึง แต่มันก็เคยเป็นเพื่อนมึงมาก่อน ฉะนั้นรีบๆรับไปเถอะ เผื่อมันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยกับมึงก็ได้นะ”
“อืม”
ว่าแล้วผมก็กดรับสายพลางเอาขึ้นมาแนบหู
ก่อนจะได้ยินเสียงปลายสายตวาดดังลั่นลำโพง
“กว่าจะรับสายได้นะมึงไอ้ซี!”
“เออ โทษที ก็กูไม่คิดว่ามึงจะกล้าโทรมาหากูอีก
แล้วนี่โทรมาทำไม”
“ก็จะโทรมาบอกว่าน้องเรนของมึงเกือบจะโดนผู้ชายลากไปข่มขืนนะสิเว้ย!!”
!!!!!!
“เฮ้ยไอ้ซีใจเย็นๆเว้ย
มึงจะพาพวกกูไปตายรึไงห๊ะ!”
พวกผมร้องตะโกนบอกคนขับกันเป็นเสียงเดียวหลังจากพากันวิ่งขึ้นรถตามไอ้ซีมา
เพราะไม่รู้เหนือรู้ใต้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังจากที่ไอ้ซียืนคุยโทรศัพท์กับไอ้บาสแล้ว สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที
ก่อนจะวิ่งออกไปยังลานจอดรถอย่างไว ทำเอาพวกผมต้องรีบวิ่งตาม
ครั้นพอถึงหน้าทางเข้าตึกคณะศึกษาฯแล้ว ไอ้ซีก็เหยียบเบรกดังเอี๊ยด
ทำเอาผมกับอีกสองหน่อ แว่น ไอซ์ถึงกับหน้าทิ่มทันที
แน่นอนว่าคนขับไม่ได้สนใจพวกผมว่าจะเป็นยังไงหรอกครับ มันรีบถอดเข็มขัดนิรัดภัยออก
ก่อนจะเปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าไปตัวตึกอย่างเร็ว
ทำเอาพวกผมรีบเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปตาม ก่อนวิ่งตามมันไป
ไอ้ไอซ์เป็นคนล็อกประตูรถให้ครับ กันรถหาย (เฟอร์รารี่เชียวนะครับ)
พอพวกผมวิ่งตามไปถึงพร้อมๆกับไอ้ซี ก็เห็นไอ้บาสยืนเอามือกุมหัวไหล่ตัวเองอยู่
หน้าของมันมีรอยแดงช้ำปนม่วงบนแก้มทั้งสองข้าง คาดว่าคงจะโดนต่อยไปมากไม่ใช่น้อย
ครั้นพอก้มลงมองสองร่างที่นั่งอยู่กับพื้น
ก็พบว่าเป็นน้องเรนที่กำลังนั่งยองใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบเลือดที่ตาขวาให้น้องบอยที่นั่งอยู่กับพื้นหน้าห้องน้ำชายชั้นสองครับ
(ที่ข้างกายน้องบอยมีไม้เท้าตกหล่นอยู่ด้วยครับ แต่มันหักครึ่งไปแล้ว)
พอไอ้ซีเห็นดังนั้นก็รีบถลาเข้าไปหาคนรักอย่างรวดเร็ว
“ที่รักเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ
เจ็บหรือปวดตรงไหนหรือเปล่า!”
ไอ้ซีเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง ซึ่งทำเอาน้องเรนที่นั่งหันหลังเช็ดแผลให้ไอ้บอยถึงกับหยุดมือ
ก่อนจะหันหน้ามา เท่านั้นแหละผมถึงได้เห็นสภาพของน้องเรน
แก้มข้างขวาที่เคยขาวเนียนอมชมพู มาบัดนี้ปูดบวมแดงเท่าลูกมะนาว
กับมุมปากที่มีเลือดซิบๆด้วย (ส่วนเรื่องเสื้อผ้าไม่ต้องพูดถึงครับ ยับยู่ยี่
กระดุมหลุดไปสองสามเม็ด)
“พี่ซี ฮึกๆ ผมกลัว”
น้องเรนเรียกชื่อไอ้ซีก่อนจะถลาตัวเข้ากอดเพื่อนผมอย่างแนบแน่น
(คงจะขวัญเสียน่าดูครับ)
แน่นอนว่าทำเอาไอ้ซีถึงกับโมโหเมื่อได้เห็นสภาพคนรักของตัวเอง
“ใครทำ...ไอ้บาส กูถามว่าใครทำ”
“จะใครซะอีก
ก็ยัยตัวแสบที่ชื่อแพรคนที่ตามมึงไปตอนเข้าค่ายยังไงล่ะไอ้ซี!” คนตอบคำถามไอ้ซีไม่ใช่ไอ้บาสครับ แต่เป็นน้องบอย “นี่ถ้ากูไม่เดินตามมาดูล่ะก็
เรนก็คงโดนพวกมันลากไปข่มขืนในห้องน้ำไปแล้ว”
“แล้วน้องบอยรู้ได้ยังไงครับว่าเป็นแพรนะ”
ผมถามกลับด้วยความสงสัย
ทำเอาน้องบอยหันหน้ามาตอบผมด้วยสายตาเกรี้ยวกราดว่า
“ก็ยัยนั่นมันยืนสั่งให้ผู้ชายสองคนมารุมต่อยผมนะสิพี่ออย!”
“ใช่ ยัยนั่นเป็นคนสั่งจริง” ไอ้บาสพูดยืนยันเสียงแข็ง “ถึงแม้กูจะมาช่วยทีหลังน้องบอย
แต่ยัยนั่นก็สั่งให้คนของตัวเองมารุมกระทืบกูด้วย”
“กูถามหน่อยเถอะ...แล้วทำไมมึงถึงสู้พวกมันไม่ได้ห๊ะไอ้บาส
กะอีแค่ผู้ชายสองคน” ไอ้แว่นพูดสวนขึ้นมา
แน่นอนว่าทำเอาไอ้บาสหันมาถลึงตาใส่เลยครับ
“กูคงสู้ได้หรอกนะไอ้เหี้ย แม่ง
ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์จนกูที่ว่าสูงร้อยเก้าสิบเซนต์ยังเทียบไม่ติด!”
!!!!!!!
“ตอนนี้กูว่ามึงรีบพาน้องเรนกับน้องบอยไปโรงพยาบาลก่อนเถอะไอ้ซี” ผมหันไปบอกเพื่อนครับ ก่อนจะหันไปพูดกับบาส “มึงเองก็ตามมาด้วยนะไอ้บาส
เจ็บหนักขนาดนี้”
“เออ กูตามไปแน่”
แล้วไอ้ซีก็พาคนเจ็บขึ้นรถของตัวเองไปส่งโรงพยาบาล
โดยมีพวกผมขับตามไปด้วย (ใช้รถของไอ้บาสไปครับ) แต่ก่อนจะไปน้องบอยบอกว่า
ขาไปโรงพยาบาลช่วยแวะรับรินที่คณะด้วย ซึ่งผมรับปากว่าจะขับรถไปรับด้วยครับ
(เกือบลืมไปว่าเรนกับรินมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันเป็นพิเศษ
ฉะนั้นป่านนี้แล้วรินก็คงนั่งงงกับตัวเองว่าทำไมอยู่ๆถึงบาดเจ็บขึ้นมาได้แล้วมั้งครับ)
หลังจากที่ผม บอย และพี่บาส (รินตามมาทีหลัง)
ถูกพวกที่ซีพามาทำแผลที่โรงพยาบาลแล้ว ก็เห็นคุณพ่อคุณแม่ผมและแม่ของพี่ซีวิ่งกระหืดกระหอบมาที่ห้องไอซียู
“เรนรินเป็นยังไงบ้างลูก” คุณแม่ถามพลางสำรวจร่างกายผม
ในขณะที่คุณพ่อตรวจดูบาดแผลตามร่างกายของผมอยู่
“ใครทำลูก บอกพ่อมา”
“นั่นสิจ้ะ ใครทำลูก” คุณแม่พี่ซีถามด้วยความสงสัย
ดูท่าพี่ซีคงยังไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนทำร้ายผม แล้วแม่พี่ซีก็หันไปมองบอยกับพี่บาสต่ออย่างสงสัย
“แล้วอีกคนที่เจ็บด้วย เป็นเพื่อนของลูกหรือจ้ะหนูเรน”
“ไม่ใช่ฮะ นี่พี่บาส เป็นรุ่นพี่ต่างคณะ
พี่บาสได้มาช่วยผมกับบอยเอาไว้นะครับ”
“เหรอจ้ะ” คุณแม่ผมหันไปมองพี่บาสที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ขอบใจนะพ่อหนุ่มที่ช่วยลูกน้าเอาไว้”
“ไม่เป็นไรครับคุณน้า” พี่บาสยิ้มตอบ
“แล้วนี่ซีไปไหน ทำไมไม่มาดูน้องบ้างเลยเนี่ย” คุณแม่พี่ซีบ่นพึมพำอย่างหัวเสียเมื่อไม่เห็นพี่ซีอยู่แถวนี้ “ให้ตายสิ เป็นแฟนกันประสาอะไร”
“เห็นว่าออกไปโทรศัพท์บอกลาอาจารย์คุมสอบแทนพวกผมนะครับ
เดี๋ยวเดียวก็เดินกลับมาแล้ว” พี่ออยพูดตอบ
(ใกล้ๆกันมีพี่แว่นกับพี่ไอซ์ยืนอยู่ด้วยครับ)
“อืม งั้นค่อยยังชั่วหน่อย” คุณแม่พี่ซีพูดพลางถอนหายใจ “ว่าแต่ลูกเรนบอกแม่ได้รึยังจ้ะว่าใครทำ”
คำถามของอีกฝ่ายทำเอาผมเหงื่อตก
เพราะไม่กล้าบอกท่านเลยครับว่าเป็นฝีมือของแพร ว่าที่คู่หมั้นของพี่ซี
“เรนก็บอกไปเลยสิว่าเป็นฝีมือยัยแพร” บอยพูดโพล่งออกมา
“บอย!” ผมหันไปตวาดมันเลยครับ
“ทำไมล่ะ ก็กูพูดความจริง” บอยพูดสวนกลับมาทันควัน ก่อนจะหันมาทางคุณแม่ของพี่ซี “ผมไม่อยากจะพูดทำร้ายน้ำใจคุณน้าหรอกนะครับ แต่ผมต้องพูด
ยัยนั่นสั่งให้ลูกน้องตัวเองมารุมข่มขืนเรน แต่ดีที่ผมกับพี่บาสช่วยไว้ได้ทัน
ไม่งั้นเรนคงโดนพวกมันจัดการไปนานแล้วครับ”
พอบอยพูดจบ ทั้งคุณพ่อคุณแม่ผมทั้งคุณแม่พี่ซี
แม้กระทั่งรินที่ยังไม่รู้เรื่องราวก็พลอยหันหน้ามามองด้วยความตกใจ
“เป็นความจริงหรือจ้ะลูกเรน” คุณแม่พี่ซีถามผมอย่างไม่แน่ใจ ซึ่งผมได้แต่พยักหน้าตอบเพียงอย่างเดียว “ถ้างั้นแม่ก็ต้องขอโทษด้วยนะจ้ะที่ทำให้ลูกต้องมาเจอกับเรื่องพวกนี้”
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่”
“ไม่เป็นไรได้ยังไงกันล่ะเรน
ทำถึงขนาดนี้แล้วจะยอมปล่อยให้คนผิดลอยนวลได้ยังไงกันจริงไหมริน” พวกไอ้หนึ่งที่มาตามหลังพูดด้วยความโมโห
“ใช่แล้วล่ะ” รินตอบอย่างเห็นด้วยกับพวกไอ้หนึ่ง
ก่อนจะหันมาทางผมด้วยสายตาจริงจัง “ครั้งนี้รินไม่ยอมให้ยัยนั่นลอยหน้าลอยตาได้อีกแล้ว
บังอาจมาทำร้ายเรนแบบนี้ รินไม่ยอม”
“ริน”
“ไม่ต้องมาเถียงรินนะเรน
แม้รินจะไม่ได้เป็นเป้าหมายของยัยนั่น แต่รินก็โดนไปด้วย เห็นไหม” รินพูดพลางชี้แก้มตัวเองให้ผมดู ซึ่งมันเป็นบาดแผลที่เดียวกับที่ผมมี “รินไม่ยอมโดนให้ทำฝ่ายเดียวหรอก รินต้องเอาคืนให้ได้!”
“ก่อนจะเอาคืน
ดูสภาพตัวเองซะก่อนว่าจะไปสู้รบปรบมือกับยัยตัวแสบนั่นได้นะ”
“ไอ้หนึ่งก็ พูดซะกูหมดมู้ดเลยนะมึง” รินพูดเสียงอ่อย ซึ่งทำเอาผมกับทุกคนถึงกับหัวเราะ
โดยหารู้ไม่ว่าพี่ซีไม่ได้ออกไปโทรศัพท์บอกลาอาจารย์เพียงอย่างเดียว
ยังโทรไปหาใครบางคนเพื่อที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดอีกด้วย