วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 44 ยัยตัวแสบ

ตอนที่ 44 ยัยตัวแสบ

พอย้ายพี่ซีกับบอยกลับมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯแล้ว ผมกับรินก็เทียวไปเทียวมาอยู่สามที่ บ้าน มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาล แต่พักแค่สองวันคุณหมอก็อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ เนื่องด้วยบอยมันอยู่บ้านคนเดียว แถมขาก็เดี้ยง ไม่สะดวกที่จะทำอะไรตามลำพังได้ (เห็นว่าพ่อบอยไม่ได้มานอนที่บ้านด้วย) คุณพ่อกับคุณแม่ก็เลยชวนบอยให้มานอนพักรักษาตัวที่บ้านครับ แถมนอกจากนี้พวกท่านยังได้ชวนพี่ซีมาค้างด้วย (ในฐานะว่าที่ลูกเขยทั้งคู่นั่นแหละครับ) ก็เลยทำให้ที่บ้านตอนนี้ดูครึกครื้นเป็นพิเศษ (คุณแม่ของพี่ซีกับยัยดีมาเที่ยวบ้านผมด้วยครับ)
“ทานเยอะๆ ไม่ต้องเกรงใจ ฮะๆ” คุณพ่อพูดเสียงดังหลังจากเมาได้ที่ (พวกเรากินหมูกระทะกันครับ) ทางด้านคุณแม่ผมกับแม่ของพี่ซีต่างก็นั่งคุยไปปิ้งหมูไปอย่างสนุกสนาน ส่วนพี่ซีก็นั่งดื่มเหล้าด้วยครับ แต่แค่จิบไปกินหมูกระทะไป (พี่ซีอายุเกินยี่สิบดื่มได้แล้วครับ) แต่กับผม ริน ยัยดี และบอย คุณพ่อไม่อนุญาตครับ ยังอายุไม่ถึงนะ ฮะๆ แต่ดูเหมือนยัยดีเอาแต่ทานผัก คุณพ่อก็เลยแซวครับ “เป็นสาวเป็นแส้ จะกลัวอ้วนทำไม ทานเยอะๆเลย”
ยัยดีแอบเบ้ปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา (ทุกคนหัวเราะครับ)
“ที่รักอย่าดื่มน้ำอัดลมเยอะนะครับ” พี่ซีบอกด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะคีบเนื้อหมูกับผักใส่จานให้ผม “อ่ะ ผมคีบให้ กำลังสุกได้ที่เลย”
“ขอบคุณครับพี่ซี”
ผมยิ้มตอบก่อนจะคีบเนื้อเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนไอ้บอยกับรินก็นั่งกินหมูกระทะข้างกันด้วยครับ แต่สองคนนี้นั่งกินกันแบบเงียบๆ (คงอายมั้งครับ) จะว่าไปตั้งแต่ได้ยินเรื่องที่รินเล่าให้ผมฟังกันแค่สองคน ว่าพ่อของบอยเอาเงินฟาดหัวเพื่อต้องการให้รินเลิกกับบอยแล้ว ทำเอาผมกลุ้มใจแทนรินจริงๆครับ (รินสารภาพกับผมว่าได้บอกรักบอยแล้ว) ซึ่งรินยังฝากบอกผมอีกว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด โดยเฉพาะบอยยิ่งแล้วใหญ่ แน่นอนว่าผมไม่บอกหรอกครับ เพราะไม่อยากให้สองพ่อลูกต้องผิดใจกัน พอทานหมูกระทะเสร็จ ก็ช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดก่อนที่คุณแม่พี่ซีกับดีขอตัวกลับบ้าน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยคุณแม่ก็ไล่ทุกคนไปอาบน้ำ พออาบเสร็จผมก็มานั่งอ่านหนังสือติวกับไอ้บอยเตรียมตัวที่จะสอบในวันรุ่งขึ้น ส่วนรินก็ได้พี่ซีช่วยติวหนังสือให้
ก๊อก ก๊อก
“เด็กๆ หยุดมือแล้วมาดื่มนมอุ่นกันก่อนเถอะจ้ะ” คุณแม่เคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา แลเห็นมือของคุณแม่ถือถาดขนาดใหญ่ ซึ่งมีแก้วนมสี่ใบวางอยู่บนนั้นด้วย
“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมขอโทษด้วยที่อุตส่าห์เอามาให้ดึกๆ รบกวนเวลานอนของคุณแม่แย่เลย” บอยพูดพลางรับถาดต่อจากคุณแม่มา ดูท่าบอยชอบคุยกับคุณแม่มากเป็นพิเศษ (รินเคยบอกว่าแม่ของบอยเสียไปนานแล้ว) ส่วนคุณแม่ได้ยินที่บอยพูดก็เอามือลูบหัวมันก่อนจะตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่เป็นไรจ้ะลูกบอย เรื่องแค่นี้เอง” พอคุณแม่ไปแล้ว บอยก็เอาถาดนมมาวางก่อนที่ผม ริน และพี่ซีหยิบกันไปคนละแก้วเพื่อดื่ม แล้วค่อยนั่งติวหนังสือกันต่อไปอย่างเงียบๆ จนพี่ซีเห็นว่าพอสมควรแล้ว จึงบอกให้ทุกคนเข้านอนเพราะจะได้ตื่นเช้าไปมหาวิทยาลัยพร้อมๆกัน

รุ่งเช้าทั้งผมทั้งรินทั้งพี่ซีทั้งบอยต่างเดินทางไปมหาวิทยาลัยด้วยรถคันเดียวกันพร้อมๆกันอีกครั้ง แน่นอนว่านี่เป็นคำสั่งของคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้พวกเราประหยัดค่าน้ำมัน (แจ่มมากครับ) ส่วนคนขับก็ไม่พ้นพี่ซี พอไปถึงมหาวิทยาลัยพี่ซีก็ขับไปส่งผมกับบอย ก่อนจะขับไปที่คณะตัวเองพร้อมกับริน แต่เนื่องจากพี่ซีกลัวว่าผมจะถูกคนทำร้ายร่างกายอีก จึงบอกให้ผมอยู่กับบอยตลอดเวลา (ดีกว่าอยู่ตัวคนเดียวจริงไหมครับ) ซึ่งไอ้บอยก็ยอมให้ผมไปกับมันตลอดเวลา เพราะมันเองก็กลัวผมโดนคนทำร้ายร่างกายเหมือนกัน การสอบช่วงเช้าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ผมรู้สึกว่าไม่เสียแรงที่ได้นั่งติวกับบอยเพราะมันออกข้อสอบเกือบหมด ส่วนไอ้บอยก็บอกว่าพอทำได้เหมือนกัน เนื่องจากวันนี้พี่ซีเองก็ติดสอบ เลยไม่ได้ขับรถมาทานข้าวเที่ยงด้วยกับผม ผมก็เลยต้องทานข้าวกลางวันกับไอ้บอยแทน (มันเดินไปไหนไม่สะดวกครับ เพราะต้องใช้ไม้ค้ำเดินตลอดทาง)
“เดี๋ยวกูมานะไอ้บอย เข้าห้องน้ำแป๊ป”
“อืม”
ลืมบอกไปว่าช่วงที่กลับมาบ้าน ผมได้สารภาพกับมันไปว่าผมไม่ได้ความจำเสื่อม แน่นอนว่าบอยโกรธผมมาก แต่ก็ได้รินช่วยพูดกล่อมด้วย ทำให้บอยเลิกโกรธผมแต่หันไปทำโทษผมแทน (คอยเป็นเบ๊ซื้อข้าวซื้อของให้มันในตอนช่วงเดินไม่สะดวกนะครับ) พอเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วผมก็เดินออกมาข้างนอกห้องน้ำ แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นร่างบางคุ้นตายืนกอดอกเชิดหน้ามองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม ที่ข้างกายหล่อนมีผู้ชายสูงใหญ่แปลกหน้าสองร่างยืนทำหน้าเหี้ยม
ดูมีพิรุธ
“คุณต้องการอะไรคุณแพร” ผมถามพลางหาดูทางหนีทีไล่
“หึ ต้องการอะไรหรือ พอดีฉันเห็นว่านายเป็นเกย์ ก็เลยพาของดีมาให้” แค่คำพูดก็รู้แล้วครับว่ายัยแพรหมายถึงอะไร “จัดการกับมันซะ เอาให้ช้ำหรือให้ตายเลยได้ยิ่งดี!
“ครับคุณหนู”
!!!!!!
ผมผงะด้วยความตกใจ ครั้นจะก้าวเท้าวิ่งหนีแต่กลับโดนสองร่างยักษ์คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“ช่วยดะอุบ” ผมยังไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือก็ถูกมือหนาปิดปากเสียก่อน เลยได้แต่ร้องครวญครางในลำคอ “อื้ออื้อ!
“หึ คิดจะร้องให้คนช่วยก็สายไปเสียแล้วไอ้วิปริต ไป จัดการข่มขืนมันซะ”
“ครับ”
!!!!!!

“เที่ยงวันนี้มึงไม่ไปกินข้าวกับเมียมึงรึไอ้ซี” ไอ้แว่นถามอย่างสงสัยหลังจากพวกผมเดินออกมาจากห้องสอบเมื่อครู่นี้
“ไม่วะ เดี๋ยวกลับมาไม่ทันสอบรอบบ่าย” ผมตอบก่อนจะหยุดชะงักเดินเมื่อได้ยินเสียงริงโทนมือถือของตัวเอง ซึ่งทำเอาพวกไอ้แว่นพลอยหยุดเดินตาม ผมได้ยินดังนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะมุ่นคิ้วเมื่อเห็นรายชื่อของคนที่โทรเข้ามาหา
บาส
“ทำไมไม่รีบรับสายล่ะ” ไอ้ออยถามผมครับ ก่อนจะชะเง้อมองมือถือ “อ้อไอ้บาสนี่เอง มึงอย่าคิดมากสิวะไอ้ซี ถึงมันจะทำไม่ดีกับมึง แต่มันก็เคยเป็นเพื่อนมึงมาก่อน ฉะนั้นรีบๆรับไปเถอะ เผื่อมันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยกับมึงก็ได้นะ”
“อืม”
ว่าแล้วผมก็กดรับสายพลางเอาขึ้นมาแนบหู ก่อนจะได้ยินเสียงปลายสายตวาดดังลั่นลำโพง
“กว่าจะรับสายได้นะมึงไอ้ซี!
“เออ โทษที ก็กูไม่คิดว่ามึงจะกล้าโทรมาหากูอีก แล้วนี่โทรมาทำไม”
“ก็จะโทรมาบอกว่าน้องเรนของมึงเกือบจะโดนผู้ชายลากไปข่มขืนนะสิเว้ย!!
!!!!!!

เฮ้ยไอ้ซีใจเย็นๆเว้ย มึงจะพาพวกกูไปตายรึไงห๊ะ!”
พวกผมร้องตะโกนบอกคนขับกันเป็นเสียงเดียวหลังจากพากันวิ่งขึ้นรถตามไอ้ซีมา เพราะไม่รู้เหนือรู้ใต้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลังจากที่ไอ้ซียืนคุยโทรศัพท์กับไอ้บาสแล้ว สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะวิ่งออกไปยังลานจอดรถอย่างไว ทำเอาพวกผมต้องรีบวิ่งตาม ครั้นพอถึงหน้าทางเข้าตึกคณะศึกษาฯแล้ว ไอ้ซีก็เหยียบเบรกดังเอี๊ยด ทำเอาผมกับอีกสองหน่อ แว่น ไอซ์ถึงกับหน้าทิ่มทันที แน่นอนว่าคนขับไม่ได้สนใจพวกผมว่าจะเป็นยังไงหรอกครับ มันรีบถอดเข็มขัดนิรัดภัยออก ก่อนจะเปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าไปตัวตึกอย่างเร็ว ทำเอาพวกผมรีบเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปตาม ก่อนวิ่งตามมันไป ไอ้ไอซ์เป็นคนล็อกประตูรถให้ครับ กันรถหาย (เฟอร์รารี่เชียวนะครับ) พอพวกผมวิ่งตามไปถึงพร้อมๆกับไอ้ซี ก็เห็นไอ้บาสยืนเอามือกุมหัวไหล่ตัวเองอยู่ หน้าของมันมีรอยแดงช้ำปนม่วงบนแก้มทั้งสองข้าง คาดว่าคงจะโดนต่อยไปมากไม่ใช่น้อย ครั้นพอก้มลงมองสองร่างที่นั่งอยู่กับพื้น ก็พบว่าเป็นน้องเรนที่กำลังนั่งยองใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบเลือดที่ตาขวาให้น้องบอยที่นั่งอยู่กับพื้นหน้าห้องน้ำชายชั้นสองครับ (ที่ข้างกายน้องบอยมีไม้เท้าตกหล่นอยู่ด้วยครับ แต่มันหักครึ่งไปแล้ว) พอไอ้ซีเห็นดังนั้นก็รีบถลาเข้าไปหาคนรักอย่างรวดเร็ว
ที่รักเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ เจ็บหรือปวดตรงไหนหรือเปล่า! ไอ้ซีเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง ซึ่งทำเอาน้องเรนที่นั่งหันหลังเช็ดแผลให้ไอ้บอยถึงกับหยุดมือ ก่อนจะหันหน้ามา เท่านั้นแหละผมถึงได้เห็นสภาพของน้องเรน แก้มข้างขวาที่เคยขาวเนียนอมชมพู มาบัดนี้ปูดบวมแดงเท่าลูกมะนาว กับมุมปากที่มีเลือดซิบๆด้วย (ส่วนเรื่องเสื้อผ้าไม่ต้องพูดถึงครับ ยับยู่ยี่ กระดุมหลุดไปสองสามเม็ด)
พี่ซี ฮึกๆ ผมกลัว น้องเรนเรียกชื่อไอ้ซีก่อนจะถลาตัวเข้ากอดเพื่อนผมอย่างแนบแน่น (คงจะขวัญเสียน่าดูครับ) แน่นอนว่าทำเอาไอ้ซีถึงกับโมโหเมื่อได้เห็นสภาพคนรักของตัวเอง
ใครทำ...ไอ้บาส กูถามว่าใครทำ
จะใครซะอีก ก็ยัยตัวแสบที่ชื่อแพรคนที่ตามมึงไปตอนเข้าค่ายยังไงล่ะไอ้ซี! คนตอบคำถามไอ้ซีไม่ใช่ไอ้บาสครับ แต่เป็นน้องบอย นี่ถ้ากูไม่เดินตามมาดูล่ะก็ เรนก็คงโดนพวกมันลากไปข่มขืนในห้องน้ำไปแล้ว
แล้วน้องบอยรู้ได้ยังไงครับว่าเป็นแพรนะผมถามกลับด้วยความสงสัย ทำเอาน้องบอยหันหน้ามาตอบผมด้วยสายตาเกรี้ยวกราดว่า
ก็ยัยนั่นมันยืนสั่งให้ผู้ชายสองคนมารุมต่อยผมนะสิพี่ออย!”
ใช่ ยัยนั่นเป็นคนสั่งจริงไอ้บาสพูดยืนยันเสียงแข็ง ถึงแม้กูจะมาช่วยทีหลังน้องบอย แต่ยัยนั่นก็สั่งให้คนของตัวเองมารุมกระทืบกูด้วย
กูถามหน่อยเถอะ...แล้วทำไมมึงถึงสู้พวกมันไม่ได้ห๊ะไอ้บาส กะอีแค่ผู้ชายสองคนไอ้แว่นพูดสวนขึ้นมา แน่นอนว่าทำเอาไอ้บาสหันมาถลึงตาใส่เลยครับ
กูคงสู้ได้หรอกนะไอ้เหี้ย แม่ง ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์จนกูที่ว่าสูงร้อยเก้าสิบเซนต์ยังเทียบไม่ติด!”
!!!!!!!
ตอนนี้กูว่ามึงรีบพาน้องเรนกับน้องบอยไปโรงพยาบาลก่อนเถอะไอ้ซี ผมหันไปบอกเพื่อนครับ ก่อนจะหันไปพูดกับบาส มึงเองก็ตามมาด้วยนะไอ้บาส เจ็บหนักขนาดนี้
เออ กูตามไปแน่
แล้วไอ้ซีก็พาคนเจ็บขึ้นรถของตัวเองไปส่งโรงพยาบาล โดยมีพวกผมขับตามไปด้วย (ใช้รถของไอ้บาสไปครับ) แต่ก่อนจะไปน้องบอยบอกว่า ขาไปโรงพยาบาลช่วยแวะรับรินที่คณะด้วย ซึ่งผมรับปากว่าจะขับรถไปรับด้วยครับ (เกือบลืมไปว่าเรนกับรินมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันเป็นพิเศษ ฉะนั้นป่านนี้แล้วรินก็คงนั่งงงกับตัวเองว่าทำไมอยู่ๆถึงบาดเจ็บขึ้นมาได้แล้วมั้งครับ)

หลังจากที่ผม บอย และพี่บาส (รินตามมาทีหลัง) ถูกพวกที่ซีพามาทำแผลที่โรงพยาบาลแล้ว ก็เห็นคุณพ่อคุณแม่ผมและแม่ของพี่ซีวิ่งกระหืดกระหอบมาที่ห้องไอซียู
“เรนรินเป็นยังไงบ้างลูก” คุณแม่ถามพลางสำรวจร่างกายผม ในขณะที่คุณพ่อตรวจดูบาดแผลตามร่างกายของผมอยู่
“ใครทำลูก บอกพ่อมา”
“นั่นสิจ้ะ ใครทำลูก” คุณแม่พี่ซีถามด้วยความสงสัย ดูท่าพี่ซีคงยังไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนทำร้ายผม แล้วแม่พี่ซีก็หันไปมองบอยกับพี่บาสต่ออย่างสงสัย “แล้วอีกคนที่เจ็บด้วย เป็นเพื่อนของลูกหรือจ้ะหนูเรน”
“ไม่ใช่ฮะ นี่พี่บาส เป็นรุ่นพี่ต่างคณะ พี่บาสได้มาช่วยผมกับบอยเอาไว้นะครับ”
เหรอจ้ะคุณแม่ผมหันไปมองพี่บาสที่นั่งอยู่ข้างๆ ขอบใจนะพ่อหนุ่มที่ช่วยลูกน้าเอาไว้
ไม่เป็นไรครับคุณน้าพี่บาสยิ้มตอบ
แล้วนี่ซีไปไหน ทำไมไม่มาดูน้องบ้างเลยเนี่ย คุณแม่พี่ซีบ่นพึมพำอย่างหัวเสียเมื่อไม่เห็นพี่ซีอยู่แถวนี้ ให้ตายสิ เป็นแฟนกันประสาอะไร
เห็นว่าออกไปโทรศัพท์บอกลาอาจารย์คุมสอบแทนพวกผมนะครับ เดี๋ยวเดียวก็เดินกลับมาแล้วพี่ออยพูดตอบ (ใกล้ๆกันมีพี่แว่นกับพี่ไอซ์ยืนอยู่ด้วยครับ)
อืม งั้นค่อยยังชั่วหน่อยคุณแม่พี่ซีพูดพลางถอนหายใจ ว่าแต่ลูกเรนบอกแม่ได้รึยังจ้ะว่าใครทำ
คำถามของอีกฝ่ายทำเอาผมเหงื่อตก เพราะไม่กล้าบอกท่านเลยครับว่าเป็นฝีมือของแพร ว่าที่คู่หมั้นของพี่ซี
เรนก็บอกไปเลยสิว่าเป็นฝีมือยัยแพรบอยพูดโพล่งออกมา
บอย!ผมหันไปตวาดมันเลยครับ
ทำไมล่ะ ก็กูพูดความจริงบอยพูดสวนกลับมาทันควัน ก่อนจะหันมาทางคุณแม่ของพี่ซี ผมไม่อยากจะพูดทำร้ายน้ำใจคุณน้าหรอกนะครับ แต่ผมต้องพูด ยัยนั่นสั่งให้ลูกน้องตัวเองมารุมข่มขืนเรน แต่ดีที่ผมกับพี่บาสช่วยไว้ได้ทัน ไม่งั้นเรนคงโดนพวกมันจัดการไปนานแล้วครับ
พอบอยพูดจบ ทั้งคุณพ่อคุณแม่ผมทั้งคุณแม่พี่ซี แม้กระทั่งรินที่ยังไม่รู้เรื่องราวก็พลอยหันหน้ามามองด้วยความตกใจ
เป็นความจริงหรือจ้ะลูกเรนคุณแม่พี่ซีถามผมอย่างไม่แน่ใจ ซึ่งผมได้แต่พยักหน้าตอบเพียงอย่างเดียว ถ้างั้นแม่ก็ต้องขอโทษด้วยนะจ้ะที่ทำให้ลูกต้องมาเจอกับเรื่องพวกนี้
ไม่เป็นไรครับคุณแม่
ไม่เป็นไรได้ยังไงกันล่ะเรน ทำถึงขนาดนี้แล้วจะยอมปล่อยให้คนผิดลอยนวลได้ยังไงกันจริงไหมริน พวกไอ้หนึ่งที่มาตามหลังพูดด้วยความโมโห
ใช่แล้วล่ะรินตอบอย่างเห็นด้วยกับพวกไอ้หนึ่ง ก่อนจะหันมาทางผมด้วยสายตาจริงจัง ครั้งนี้รินไม่ยอมให้ยัยนั่นลอยหน้าลอยตาได้อีกแล้ว บังอาจมาทำร้ายเรนแบบนี้ รินไม่ยอม
ริน
ไม่ต้องมาเถียงรินนะเรน แม้รินจะไม่ได้เป็นเป้าหมายของยัยนั่น แต่รินก็โดนไปด้วย เห็นไหมรินพูดพลางชี้แก้มตัวเองให้ผมดู ซึ่งมันเป็นบาดแผลที่เดียวกับที่ผมมี รินไม่ยอมโดนให้ทำฝ่ายเดียวหรอก รินต้องเอาคืนให้ได้!”
ก่อนจะเอาคืน ดูสภาพตัวเองซะก่อนว่าจะไปสู้รบปรบมือกับยัยตัวแสบนั่นได้นะ

ไอ้หนึ่งก็ พูดซะกูหมดมู้ดเลยนะมึงรินพูดเสียงอ่อย ซึ่งทำเอาผมกับทุกคนถึงกับหัวเราะ โดยหารู้ไม่ว่าพี่ซีไม่ได้ออกไปโทรศัพท์บอกลาอาจารย์เพียงอย่างเดียว ยังโทรไปหาใครบางคนเพื่อที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดอีกด้วย

ตอนที่ 43 โลกมันกลม

ตอนที่ 43 โลกมันกลม

หลังจากเสร็จกิจกรรมบนเตียงท่ามกลางโรงพยาบาล (เสร็จไปตั้งสองยกแน่ะ เหนื่อยชะมัด) ผมก็ยอมคืนดีด้วยกับพี่ซี เพราะพี่ซีบอกว่าให้ต่อสู้ไปพร้อมกับเขา และยังบอกผมอีกว่าจะหาหนทางที่ทำให้พ่อยอมรับในตัวผมอีกด้วย พอคุยกันเรียบร้อยแล้วผมก็เข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาด
แกรก!
เสียงประตูถูกเปิด แน่นอนว่าทำเอาผมที่กำลังอาบน้ำฝักบัวอยู่ถึงกับชะงัก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะก่อนเข้าห้องน้ำนั้น ผมได้เดินไปปลดล็อกให้พี่ซีแล้ว
พี่ซีคะ แพรได้ยินมาจากคุณพ่อว่าคุณถูกน้ำป่าซัดได้รับบาดเจ็บสาหัส แพรก็เลยมาเยี่ยมคุณค่ะคำพูดเสียงหวานเจื้อยแจ้วดังลอดมาจากข้างนอก ทำเอาผมที่กำลังถูสบู่ถึงกับชะงัก
ไม่ต้องมาเยี่ยม พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เสียงทุ้มพูดอย่างไม่พอใจ
แหม แพรอุตส่าห์มาเยี่ยมเชียวนะ ใจคอจะไล่แพรกลับเลยทันทีเชียวเหรอคะ
ใช่ เพราะผมไม่ต้องการใครมาเยี่ยมนอกจากครอบครัวและแฟนของผมเท่านั้น
แหม แพรเองก็เป็นแฟนเหมือนกันนะโห ยัยหน้าด้านเอ้ย พี่ซีไปพูดตอนไหนว่าเป็นแฟนด้วย
ใครแฟนคุณ กรุณาอย่าคิดเองเออเอง
ตอนนี้ถึงไม่ใช่ แต่อีกหน่อยก็ใช่ ไม่สิ เป็นถึงคู่หมั้นที่จะต้องแต่งงานด้วยสิถึงจะถูก
เสียใจด้วย ผมจะไม่หมั้นกับใครนอกเสียจากเรน เมียของผมน่าน พี่ซีตอบได้ถูกใจมากครับ ถ้าคุณยังไม่ยอมออกไปอีก อย่าหาว่าผมไม่เตือน
หึ แพรไปแน่ แต่ขอค่าตอบแทนที่แพรอุตส่าห์ดั้นด้นมาหาว่าที่คู่หมั้นซักหน่อยนะคะ
ห๊ะ ค่าตอบแทนอะไร?!
ผมคิดได้ดังนั้นรีบดึงผ้าเช็ดตัวนุ่งรัดห่มเอวกันโป๊ก่อนจะถลาออกไปนอกห้องน้ำ แลเห็นยัยแพรตัวแสบกำลังกอดร่างหนาประทับริมฝีปากพี่ซีอย่างแนบแน่น ซึ่งแน่นอนว่าพี่ซีแทบจะผลักยัยแพรนั้นออกทันที ก่อนจะหันมาพูดกับผมอย่างเร็ว
ที่รักอย่าเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้เป็นคนทำ
ผมรู้ครับพี่ซี ได้ยินหมดแล้วด้วยยัยแพรได้ยินที่ผมพูดก็หันหน้ามามอง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพผมที่พึ่งจะวิ่งออกมาจากห้องน้ำ
ต๊าย นี่คนหรือเปรตกันแน่เนี่ยผมแทบอยากจะไปตบหน้าคนพูดเสียเหลือเกิน แต่ก็ช้าไปครับ เพราะร่างสูงกลับชิงลงมือเสียก่อน
เพี๊ยะ!
อูย แรงนะนั่น
ถ้าไม่อยากโดนตบอีก กรุณาอย่าว่าเมียผมว่าเปรตพี่ซีพูดเสียงเข้มและดุดัน กลับมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น อย่าให้ผมต้องเรียกรปภ.มาไล่คุณนะแพร
ยัยแพรได้ยินดังนั้นถึงกับเม้มปากมือกุมหน้าตัวเองที่ถูกพี่ซีตบ
ได้! แพรไปก็ได้ยัยตัวแสบพูดพลางขยี้เท้าด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปนอกห้อง แต่ก่อนไปมีการเหล่มองผมด้วยสายตาชิงชังด้วยครับ อย่านึกว่ายกนี้จะชนะฉันได้เชียวล่ะไอ้วิปริต แล้วฉันจะกลับมาอีก
น่าน มีพูดกัดทิ้งท้ายไว้อีกด้วย แสบนักนะยัยนี่!
พอยัยแพรไปแล้ว พี่ซีดึงผมให้เข้าไปสวมกอดก่อนจูบอย่างรวดเร็ว แต่พี่ซีจูบผมได้ไม่นานนักก็ถอนออกมา แน่นอนว่าผมถึงกับเอียงคอมองพี่ซีด้วยความสงสัย
“ที่ผมจูบก็เพราะผมกลัวลืมรสที่เคยจูบกับคุณ”
!!!!!!
“แล้วอีกอย่างผมต้องการล้างปากก็เลยจูบคุณไงล่ะ”
!!!!!!
ผมถึงกับหน้าร้อนผ่าวเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ซี แหม หวานซะจนผมพูดไม่ออกเลย แล้วพี่ซีก็ใช้มือข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือมันเกลี่ยเส้นผมที่ปรกตาผมออกอย่างแผ่วเบา
“ไม่ต้องกลัวว่าผมจะนอกใจคุณหรอกนะครับ เพราะผมจะรักคุณแค่คนเดียวจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
!!!!!!
“ไปอาบน้ำต่อได้แล้วครับ ประเดี๋ยวไข้จะกลับมาเล่นงานคุณอีก”
“ครับพี่ซี” แล้วผมก็เดินกลับไปอาบน้ำอีกครั้งตามที่พี่ซีบอก

คุณคือ?
พ่อของบอย อย่าให้ฉันต้องพูดมาก เลิกกับลูกชายของฉันซะ
ไม่!ผมตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายดูน่ากลัวมากขึ้นอีก ทำไมผมต้องเลิกกับลูกชายคุณด้วย ในเมื่อผมกับเขารักกัน มันผิดตรงไหนที่พวกเราคบกัน
ผิดสิ ผิดที่พวกเธอเป็นเพศเดียวกัน น่ารังเกียจ ผิดเพศ สังคมจะตราหน้า…”
สมัยนี้เขาเปิดกว้างเรื่องพวกนี้แล้วผมเถียงกลับไปทันทีอย่างมีเหตุผล ถ้าไม่ทำเรื่องร้ายแรง ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ไม่มีใครมาสนใจหรอก
หึ ดูท่าเธอจะเป็นพวกมีหลักการนะ
เปล่าครับ ผมแค่พูดตามความเป็นจริงผมพูดพลางยักไหล่ ถ้ากลัวเรื่องหาคนมาสืบทอดตระกูลไม่ได้ ก็ไปหาเด็กมาเลี้ยงดู แต่ถ้ากลัวว่าเขาไม่ใช่สายเลือดของเรา ก็แค่แบ่งสเปิร์มไปฝากท้องกับผู้หญิงวานให้เขาช่วยอุ้มท้องให้ แต่ไม่ต้องคิดตามผมก็ได้ เพราะนี่ก็เป็นเรื่องที่ผมคิดเล่นๆดู
เอาเถอะ ยังไงฉันก็ไม่มีทางให้ลูกชายฉันคบกับเธอได้อยู่ดีนั่นแหละ
พูดจบก็ควักอะไรบางอย่างออกมา แลเห็นธนบัตรสีเทาเป็นฟ่อนก่อนที่อีกฝ่ายจะยัดลงมือผม
นี่คือ?
นี่คือค่าตอบแทนที่ลูกชายของฉันข่มขืนเธอ ผมถึงกับหน้าร้อนผ่าวเมื่ออีกฝ่ายพูด นี่แสดงว่าเขารู้เรื่องผมกับบอยตั้งแต่ต้น แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้นมาอีก ทำเอาผมถึงกับโมโห ได้เงินแล้วก็ไสหัวไปซะ อย่าได้กลับมาให้บอยเห็นหน้า…”
ผัวะ!
ผมเขวี้ยงธนบัตรในมือใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างแรง ทำให้ธนบัตรกระจัดกระจายร่วงหล่นเต็มพื้น
คิดจะเอาเงินฟาดหัวคน คิดผิดคิดใหม่ได้นะผมกัดฟันพูดด้วยความโมโห สิ่งที่คุณทำอยู่ในตอนนี้ก็เท่ากับดูถูกลูกชายคุณ คิดหรือว่าลูกชายคุณจะดีใจที่มีคุณเป็นพ่อนะ ขอบอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่มีทางเลิกกับลูกชายคุณแน่ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟก็ตาม!”
พูดจบผมก็เดินย่ำเท้าไปหาหมอต่อ ทิ้งให้ร่างสูงยืนนิ่งท่ามกลางธนบัตรที่กระจัดกระจายบนพื้น

พอตกเที่ยงคุณพ่อคุณแม่ก็ได้เดินทางมาถึงที่โรงพยาบาลต่างจังหวัด (พวกผมเข้าค่ายทางเหนือนะครับ) โดยนั่งรถทัวร์มากันตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนแรกคุณพ่อกับคุณแม่ไปหาน้องรินกับบอยก่อน เพราะอยู่กันคนละห้อง ก่อนที่พวกท่านจะเดินมาหาผมกับพี่ซีที่อยู่อีกห้อง (ตอนนี้มีคุณแม่ของพี่ซีกับยัยดีในห้องด้วยครับ) พอพวกท่านมาหาผมถึงห้องเท่านั้นแหละ แม่พี่ซีถึงกับร้องอุทานก่อนจะกอดคุณแม่ของผมด้วยความดีใจ
ดีจังนะ ไม่คิดว่าจะเป็นพวกเธอสองคน
นั่นสิ ฉันเองก็ไม่คิดว่าเธอจะเป็นแม่ของรุ่นพี่ของลูกชายฉัน คุณแม่ยิ้มตอบก่อนจะหันไปทางคุณพ่อ คุณคะ นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆว่าโลกกลม ไม่คิดว่าจะมาได้เจอกันอีก
อืม ตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วนี่นะ
คุณพ่อคุณแม่รู้จักกับคุณแม่พี่ซีด้วยเหรอฮะผมถามกลับอย่างสงสัย ซึ่งไม่เว้นแม้กระทั่งพี่ซีหรือยัยดีเองก็ตาม
ใช่แล้วจ้ะคุณแม่หันมาตอบผมก่อนจะพูดต่อ แม่กับพ่อเคยเรียนหนังสือด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมด้วยกัน ว่าแต่วันนี้เขาไม่ได้มาที่โรงพยาบาลด้วยรึจ้ะจันทร์
มาจ้ะ แต่ก็กลับไปแล้ว ฉันว่าพวกเราออกไปคุยกันที่ข้างนอกหน่อยดีไหมจ้ะ
ก็ดีจ้ะ ไปค่ะคุณ ปล่อยให้พวกเด็กๆนั่งอยู่ในห้องเถอะ
อืมแล้วพวกคุณพ่อคุณแม่ก็พากันเดินออกไปข้างนอกทิ้งให้ผม พี่ซี และดีอยู่ในห้อง
เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย จะเอาอะไรไหมล่ะเรน ยัยดีถามพลางลุกขึ้นยืน
ไม่ล่ะ ขอบคุณพอยัยดีไปแล้ว พี่ซีก็คว้าผมให้ไปนั่งลงบนตักของตัวเองก่อนจะสวมกอดผม
ดูเหมือนพ่อแม่ของที่รักจะยอมรับเรื่องที่พวกเรารักได้นะครับ
ครับพี่ซี เพราะผมเคยบอกพวกเขาไปแล้วผมยิ้มตอบก่อนจะพูดต่ออย่างขำๆ แถมพวกท่านบอกว่าจะจัดงานแต่งให้พร้อมกับรินด้วยนะครับ
พี่ซีได้ยินที่ผมบอกถึงกับยิ้มเลยครับ
เหรอครับ
แล้วพวกท่านก็ยังบอกว่าจะเตรียมแหวนให้ผมกับรินด้วย
แหวน อ๊ะ จริงสิพี่ซีทำท่าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบคว้าโทรศัพท์กดเบอร์โทรหาใครบางคน เออ นี่กูเองนะไอ้ออย มึงได้เก็บของที่กูได้ฝากมึงไว้หรือเปล่า เออนั่นแหละ เอามาให้กูหน่อย เดี๋ยวนี้ได้ไหม เออ อย่าช้านะ กูจะให้ที่รักนะ เออ ขอบใจวะ
แล้วพี่ซีก็วางสายลงก่อนจะหันมากอดผมต่อ
ของที่ว่าคืออะไรเหรอครับพี่ซี ถึงได้บอกให้พี่ออยเอามาให้ ผมถามอย่างสงสัย
หึๆ เดี๋ยวก็รู้เองครับที่รัก ฟอด ฮ้า ชื่นใจจัง พี่ซีพูดพลางหอมแก้มผมเสียงดังฟอด
พี่ซีอ่ะ หอมแก้มผมอีกแล้วนะ ผมพูดพลางตบปากพี่ซีเบาๆอย่างหมั่นไส้
ก็ที่รักตัวหอมนี่ครับพี่ซีพูดไปหัวเราะไปพลาง ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะขอฟัดกับที่รักอีกรอบจัง
โห พี่ซี เมื่อเช้าก็ทำไปตั้งสองครั้ง นี่ยังไม่พออีกเหรอครับ
หึ สำหรับที่รักผมไม่มีวันพอหรอก คำพูดพี่ซีทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าวรีบตีแขนร่างสูงด้วยความหมั่นไส้
คนบ้าลามก!”

เนื่องจากพวกเราต้องกลับไปเรียนหนังสือ และบ้านก็ไม่ได้อยู่แถวนี้ด้วย คุณพ่อคุณแม่เลยเป็นธุระทำเรื่องกับคุณหมอเพื่อย้ายตัวพี่ซีกับบอยกลับไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯครับ เห็นรินบอกว่าพ่อไอ้บอยแวะมาดูเหมือนกัน แต่ชิ่งกลับไปก่อนแล้ว (ช่างเป็นพ่อที่ใจดำอะไรเช่นนี้ แทนที่จะอยู่ดูแลบอย กลับหนีหายไปเฉย) แน่นอนว่าพวกเพื่อนกับพวกรุ่นพี่ได้ขึ้นรถทัวร์กลับไปก่อนล่วงหน้าแล้ว
“เรื่องคุณพ่อ ลูกไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่จะช่วยพูดกับเขาให้” แม่ของพี่ซีมาพูดกับผมด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่พี่ซีตัดสินใจเล่าเรื่องที่คุณพ่อได้พูดกับผมให้ทุกคนฟัง คุณแม่ผมก็โมโหจนแทบอยากจะไปกระชากพ่อพี่ซีมาเค้นคอถามเสียให้รู้เรื่อง ว่าช่างกล้าพูดทำร้ายจิตใจผมได้ยังไง แต่นี่ยังดีที่คุณพ่อผมได้ห้ามเอาไว้ก่อน คุณแม่ก็เลยยอมสงบสติอารมณ์แต่โดยดี ส่วนแม่ของพี่ซีก็ได้ขอโทษขอโพยผมที่คุณพ่อพี่ซีทำให้ผมต้องเจ็บปวด
“ไม่เป็นไรฮะคุณแม่ เรื่องนี้เดี๋ยวผมกับพี่ซีจะขอเป็นคนจัดการเอง”
“เอ๋?
“คือผมปรึกษากับน้องเขาดูแล้วนะครับคุณแม่ ว่าจะหาวิธีที่ทำให้คุณพ่อยอมรับน้องเรนด้วยตนเอง” พี่ซีพูดขยายความแทนผม “ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้ทุกคนช่วยนะครับ แต่พวกผมสองคนอยากจะแก้ไขปัญหานี้กันเอง เพราะขืนช่วยหมด ก็เท่ากับว่าพวกผมไม่ได้พยายามทำอะไรเลย ซึ่งผมเกรงว่าถ้าคุณพ่อรู้เข้า จะยิ่งไม่ยอมรับในตัวน้องเรนเข้าไปกันใหญ่ ขอความกรุณาให้ผมกับน้องเรนจัดการกันเองนะครับ“
“อืม เป็นความคิดไม่เลว สมแล้วที่เป็นถึงประธานนิสิตมหาวิทยาลัย กล้าคิดกล้าทำกล้าตัดสินใจ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณลุง ผมก็แค่คิดตามในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นเอง”
“อย่าเรียกฉันว่าลุงสิ” คุณพ่อพูดพลางเอามือตบไหล่พี่ซีแรงๆ “ต้องคุณพ่อเท่านั้น จะเป็นสะใภ้ เอ้ย จะเป็นเขยบ้านฉันแล้วนี่ มาเรียกลุงเลิงได้ยังไงกันจริงไหม”
โห คุณพ่อ พูดออกมาได้ไงครับ ผมอายนะขอบอก!
“จริงครับคุณพ่อ”

นี่ก็อีกคน ไม่ไหวเลย พอกันทั้งคุณพ่อทั้งพี่ซี!

ตอนที่ 42 กูรักมึง

ตอนที่ 42 กูรักมึง

ผมแทบลนลานเมื่อเห็นพี่ซีนอนฟุบลงกับพื้นเลือดไหลเจิ่งนอง ก่อนจะผลักร่างหนาให้นอนคว่ำก่อนจะเห็นบาดแผลที่หลัง ซึ่งเป็นรอยขีดข่วนกับรอยช้ำม่วงแลดูน่ากลัว กับเอวก็มีด้วยเช่นกันแต่หนักกว่าแผ่นหลังมาก ดูท่าพี่ซีคงจะเป็นห่วงผมมากกว่าจึงลืมดูแลตัวเองไป
เพราะผมคนเดียว พี่ซีก็คงไม่ต้องมาบาดเจ็บสาหัสแบบนี้!
“ผมขอโทษนะครับพี่ซี ฮึก พี่อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ!” ผมพูดไปร้องไห้พลาง ก่อนจะลุกขึ้นหยิบเอาเสื้อของตัวเองที่ผิงกับกองไฟออกมาฉีกแบ่งครึ่ง แต่ผ้ามันแห้งไปแล้ว ผมจึงวิ่งโซซัดโซเซออกไปนอกถ้ำเพื่อหาน้ำสะอาด โชคดีที่ข้างนอกฝนตกแรงจัดผมจึงใช้ผ้ารองน้ำฝนจนเปียกชุ่ม แล้ววิ่งกลับไปที่เดิมบิดหมาดก่อนจะนำผ้ามาเช็ดบาดแผลให้พี่ซีอย่างระมัดระวัง “พี่ซีต้องไม่เป็นอะไร ฮึก พี่ซีต้องไม่เป็นอะไร”
พอเช็ดเสร็จแล้วผมก็เอาเสื้ออีกครึ่งหนึ่งที่ฉีกมาพันแผลที่เอวให้พี่ซี ก่อนจะเอาเสื้อของพี่ซีที่ผิงไฟจนแห้งแล้วนำมาสวมใส่ให้กับร่างสูง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไข้ขึ้นสูง ผมก็เลยต้องวิ่งกลับไปนอกถ้ำเพื่อชุบกับน้ำก่อนจะวิ่งกลับมาที่เดิมเพื่อเช็ดตัวให้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนกอดร่างสูงด้วยความเป็นห่วง (เพราะพี่ซีละเมอร้องว่าหนาวนะครับ) แต่ผมนอนหลับไม่ลงหรอกครับ เพราะต้องดูแลจนกว่าไข้จะลด เลยนอนกอดพี่ซีร้องเพลงแทบทั้งคืน
*“ความเป็นจริงก็รู้ตัวดี ว่าไม่มีค่าพอใดๆ ที่จะทำให้เธอต้องเสียใจ
เป็นเหมือนที่ระบายอารมณ์ ทั้งที่เธอก็แสนจะดี มีความรักให้ทุกเวลา
ให้คนนึง ที่ดูธรรมดา มีวันที่ดีขึ้นมา เพราะเธอ
แค่เพียงหยดเดียว ที่ไหลมาจากตาก็อยากจะขอ..โทษเธอสักล้านคำ
ที่ทำให้เธอต้องช้ำ ต้องเสียน้ำตาให้กัน มันเกลียดตัวเอง
ที่เผลอทำอย่างนั้น ทำคนที่รักฉันได้ยังไง
อยากบอกว่าฉันเสียใจ อภัยได้ไหมคนดี...
ยังจำวันที่ไม่มีใคร มีแต่เธอที่ยืนมือมา โอบดวงใจ
ที่ใครไม่เห็นค่า แต่ฉันวันนี้กลับทำร้ายเธอ
แค่เพียงหยดเดียว ที่ไหลมาจากตาก็อยากจะขอ...โทษเธอสักล้านคำ
ที่ทำให้เธอต้องช้ำ ต้องเสียน้ำตาให้กัน มันเกลียดตัวเอง
ที่เผลอทำอย่างนั้น ทำคนที่รักฉันได้ยังไง
อยากบอกว่าฉันเสียใจ อภัยได้ไหมคนดี...”

พี่ซี ผมขอโทษครับ…
ฮือๆ ผมขอโทษ...
ภาพน้องเรนร้องไห้ลอยออกห่างไปไม่ว่าผมจะวิ่งตามมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยเข้าใกล้ได้ซักครั้ง
รอผมด้วยที่รัก!!ผมร้องพลางสะดุ้งนั่ง ซึ่งทำเอาคนที่นั่งอยู่โซฟาพลอยสะดุ้งตกใจตามไปด้วย
เป็นอะไรลูกซี ฝันร้ายเหรอ คุณแม่ลุกขึ้นนั่งจากโซฟาก่อนจะเดินมาหาผมที่นั่งอยู่บนเตียง ลูกพึ่งจะฟื้นขึ้นมานะ นอนต่อเถอะ เดี๋ยวแม่จะไปแจ้งหมอก่อนว่าลูกฟื้น…”
คุณแม่ครับ แล้วน้องเรนล่ะผมไม่สนอะไรอีกแล้ว ขอแค่ได้เจอคนรักตอนนี้เป็นพอ
แม่ว่าเราน่าจะให้หมอเช็ก…”
คุณแม่ครับ
โอเค น้องเราอยู่ข้างนอกห้องนี้เอง กำลังคุยกับพ่ออยู่ แต่แม่ว่าเราอย่าพึ่ง…ผมไม่ฟังอีกแล้วครับ รีบเดินลงจากเตียงพร้อมกับลากเสาน้ำเกลือไปด้วยพร้อมกัน ซี แม่บอกแล้วไงว่าให้นอนอยู่เฉยๆ
พอผมเดินออกไปนอกห้องแล้วก็หันซ้ายหันขวาหาร่างบางแต่ก็ไม่พบ พอหันไปทางด้านห้องน้ำ ก็เห็นเงาสองร่างยืนอยู่ตรงนั้น ผมเห็นดังนั้นก็เลยเดินไปหา แต่ยังไม่ทันถึงหน้าห้องน้ำก็มีอันต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนโดนตบหน้าอย่างแรง
เพี๊ยะ!
ไหนเธอว่าจะเลิกกับลูกชายฉันตามสัญญาไง
ผมเลิกกับเขาแล้วจริงๆครับ ผมไม่ได้โกหก ที่แท้คนที่ทะเลาะกันคือคุณพ่อกับน้องเรนของผม แต่คำพูดของทั้งคู่ทำเอาผมรู้หมดทุกอย่าง ผมบอกเลิกเขา แล้วก็พยายามตีตัวออกห่างโดยการแกล้งทำเป็นความจำเสื่อม แค่นี้คุณยังไม่พอใจอีกหรือครับ
ใช่แล้ว เพราะเธอทำให้ลูกชายฉันต้องเจ็บหนัก จะไปไหนก็ไปซะ เพราะถ้าซีหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะให้ซีหมั้นกับแพรลูกสาว…”
ผมไม่หมั้นและจะไม่มีวันเลิกกับน้องเรนด้วย!”
ผมไม่หมั้นและจะไม่มีวันเลิกกับน้องเรนด้วย!”
เสียงพี่ซีแผดดังลั่นก่อนจะเห็นร่างสูงในชุดผู้ป่วยยืนจับเสาน้ำเกลือตีสีหน้าเกรี้ยวกราด
ซี!”
พี่ซีผมร้องครางเรียกชื่อพี่ซี แล้วร่างสูงก็เดินเข้ามาหาผมก่อนจะคว้าร่างผมให้เข้าไปในอ้อมกอดตัวเอง
ผมจะไม่มีวันเลิกกับน้อง เพราะผมรักเขา
ฮึ คิดหรือว่าความรักของลูกจะยืนยาว เพศเดียวกัน แถมไม่มีลูกให้สืบทอดวงศ์ตระกูลอีก
ผมไม่แคร์เรื่องพวกนั้น
แต่พ่อแคร์!พ่อพี่ซีตวาดเสียงกลับ ถ้าแกยังยืนยันว่าชอบเขา ไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ
แล้วร่างสูงก็หมุนตัวเดินกลับไป ทำเอาผมรีบดึงเสื้อพี่ซีทันที
พี่ซีรีบตามไปขอโทษคุณพ่อสิครับ
ไม่
พี่ซี
กลับไปห้องกับผมก่อนพี่ซีบอกก่อนจะดึงผมให้เดินกลับไปที่ห้อง ซึ่งมีคุณแม่ของพี่ซียืนรอในห้องด้วยความกระวนกระวาย คุณแม่ช่วยออกไปข้างนอกก่อนได้ไหมครับ พอดีผมมีเรื่องที่จะต้องสะสางกับน้องเขา
ได้จ้ะ คุยกันดีๆนะลูก อย่าใช้ความรุนแรงล่ะ
ครับคุณแม่
แล้วแม่ของพี่ซีก็เดินออกไปนอกห้อง ทิ้งให้ผมยืนอยู่ในห้องกับพี่ซีสองต่อสองตามลำพัง พอแม่พี่ซีเดินออกไปแล้วร่างสูงก็คว้าผมเข้ามากอดทันที
พะ…พี่ซี
ผมรู้สึกถึงความเย็นที่หยดลงบนหัวไหล่ ถึงแม้จะโดนเสื้อผ้าแต่ผมก็รู้สึกถึงมันได้ดี
พี่ซีร้องไห้?!
ผมขอโทษครับพี่ซี ขอโทษที่โกหก…ฮึกๆผมพูดไปร้องไห้ไปพลาง …ขอโทษที่หลอกลวง ทั้งๆที่พี่ซีบอกว่ามีอะไรให้บอก ให้ปรึกษากัน แต่ผม ฮึก…ฮึก ไม่บอก ผมกลัว พี่ซี ผมกลัวว่าเราจะต้องแยกทางกัน แต่ผมไม่อยากให้พี่ซีต้องผิดใจกับคุณพ่อ
พอผมพูดจบ พี่ซีก็ผลักผมให้ออกห่างก่อนจะมองผมทั้งน้ำตา
อย่าพูดแบบนั้นสิครับที่รัก รู้หรือเปล่าว่าผมเจ็บปวดมากแค่ไหนตอนคุณบอกเลิกกับผม ยิ่งโดยเฉพาะตอนที่คุณบอกว่าจำผมไม่ได้ ผมแทบเหมือนตายทั้งเป็นเลย
“พี่ซี ผมขอโทษ ฮึก ผมขอ...” คำพูดกลืนหายไปในลำคอเมื่อถูกพี่ซีประทับริมฝีปากลงมา แม้จะเค็มไปด้วยน้ำตาของผมกับพี่ซีแต่ผมรู้สึกได้ว่าจูบนี้ช่างหวานหอมและอ่อนโยนเสียยิ่งกระไร พี่ซีจูบผมอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะดุนลิ้นสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากอย่างง่ายดาย ลิ้นหนากระหวัดกระเหวี่ยงจนผมหัวหมุนถึงกับต้องโอบคอพี่ซีเพราะกลัวจะล้มลงไปเสียก่อน พี่ซีจูบผมได้ไม่นานนักก็ถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะประทับลงไปใหม่อีกครั้งราวกับโหยหาอดอยากมานาน ไม่รู้ว่าเพราะผมมัวแต่ล่องลอยกับรสจูบหรืออะไรก็ตาม ครั้นพอแผ่นหลังได้สัมผัสกับความอ่อนนุ่มของเตียง เท่านั้นแหละผมถึงกับลืมตาเบิกกว้างร้องด้วยความตกใจ “อื้อ ไอ้เอา อืออออ”
ทั้งผลักทั้งดันจนร่างสูงเป็นฝ่ายยอมผละออกมาแต่โดยดี แถมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อรู้ว่าผมปฏิเสธกับสิ่งที่เขาต้องการจะทำ
“รังเกียจผมหรือครับที่รัก”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับพี่ซี เอ่อ...ที่นี่มันเป็นโรงพยาบาล ใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี” พอสิ้นคำตอบของผม ทำเอาอีกฝ่ายยิ้มออกมาได้
“ถ้าไม่มีใครเห็นที่รักก็จะยอมให้ผมทำใช่ไหมครับ”
“เอ่อ ก็คงได้มั้งครับ” ผมแทบอยากจะกัดปากตัวเองเมื่อเห็นพี่ซีผละจากตัวผมเดินไปล็อกประตูเสียอย่างหน้าตาเฉย ก่อนจะเดินกลับมาหาผมที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง “พี่ซี ผมว่าไม่ดีมั้ง เดี๋ยวเลือดมันจะย้อนทางเดิม เอ่อ ผมหมายถึงสายน้ำเกลือของพี่นะ”
พี่ซียกข้อมือข้างที่มีสายน้ำเกลือขึ้นมองก่อนจะหันมาตอบผมว่า
“ไม่เป็นไร แค่ข้างเดียวผมทำได้”
!!!!!!
“ถ้ากลัวเลือดมันย้อน ก็ยกขึ้นเหนือหัวก็หมดเรื่องจริงไหมครับ”
!!!!!!
“อีกอย่างคุณห้ามปฏิเสธผมเด็ดขาด เพราะผมจะลงโทษคุณ โทษฐานที่โกหกและหลอกลวงผม”
!!!!!!

หลังจากผม บอย เรนถูกน้ำป่าซัด ต่างก็กระจัดกระจายไปกันคนละทิศคนละทาง บอยก็กระเสือกกระสนว่ายน้ำฝ่าเข้ามาช่วยผมได้ แน่นอนว่าพอถูกช่วยแล้วทั้งผมทั้งบอยต่างถูกน้ำป่าซัดไปด้วยพร้อมกันเพราะสู้แรงน้ำป่าไม่ไหวครับ ก่อนจะฟื้นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวผมกับบอยนอนอยู่โรงพยาบาลแล้ว (โชคดีมากครับที่ไม่ตาย) ผมไม่ได้เจ็บมากแค่ เคล็ดขัดยอกกะไข้ขึ้น แต่ส่วนของบอยขาหักครับ ซึ่งเรนกับพี่ซีเองก็เข้าโรงพยาบาลเดียวกันกับพวกผม (เห็นว่าถูกทหารช่วยพร้อมๆกัน) แต่เรนได้เดินมาหาผมที่ห้องทั้งน้ำตาและบอกว่าตัวเองเป็นคนทำให้พี่ซีต้องเจ็บ ก่อนจะขอตัวไปดูพี่ซีที่ห้องไอซียูอีกครั้ง ส่วนพวกไอ้หนึ่งก็เข้ามาเยี่ยมพวกผมด้วยครับ ซึ่งผมก็ได้ฝากฝังพวกมันให้ช่วยตามไปดูแลเรน
ได้ เดี๋ยวพวกกูไปดูให้ มึงอยู่เฝ้าไอ้บอยที่ห้องเถอะ
ผมพยักหน้าตอบก่อนพวกมันจะพากันออกไปตามที่ผมบอก พอพวกมันไปแล้วผมก็หันไปมองไอ้บอยที่นอนหลับอยู่ด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ตั้งแต่เห็นมันว่ายน้ำเข้ามาช่วยผมทั้งๆที่ตัวมันว่ายน้ำหนีเอาตัวรอดได้ แต่มันกลับไม่ทำ ซึ่งทำเอาผมถึงกับประทับใจจนพูดไม่ออก
ขอบคุณนะที่ช่วยกู ถ้ามึงฟื้นขึ้นมา กูจะบอกมึงว่ากูรักมึงนะไอ้บอย ผมพูดพลางบีบมือมันเบาๆ
เหรอผมสะดุ้งตกใจเมื่อคนที่นอนหลับอยู่ก็พูดขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะลืมตาขึ้นมามองผมพลางส่งยิ้มมาให้ ไหนลองพูดอีกทีซิ พอดีกูได้ยินไม่ชัด
มะ…มึงฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ผมถามเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบปล่อยมือหนาออกแต่อีกฝ่ายกลับบีบมือผมแน่นไม่ยอมปล่อย
ก็ตั้งแต่ที่มึงพูดขอบคุณกูบอยยิ้มตอบ ซึ่งทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าวทันที ไหนพูดอีกทีสิครับว่ามึงจะพูดอะไรกับกู
เอ่อคือ
คือ?
คือ…ผมพูดเสียงติดอ่าง พลางหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย …กูรักมึง
ฟอด!
สิ้นคำพูดของผม มันก็ดึงมือผมให้เข้าไปใกล้ก่อนจะหอมแก้มผมเสียงดังฟอด
ในที่สุดก็พูดออกมาได้ซะทีนะครับเจ้าหญิงน้อยของผม
บ้า เจ้าหญิงน้อยอะไรของมึงผมพูดพลางดันหน้าของอีกฝ่ายออกห่าง แต่มันกลับคว้ามือผมไปหอมสองสามครั้ง จะหอมอะไรกันนักกันหนา มือกูช้ำหมดแล้ว
ริน มันไม่ตอบแต่กลับเรียกชื่อผมแทน
อะไร
เป็นแฟนกับกูนะ
!!!!!
กูจะทำให้มึงมีความสุข กูจะไม่ทำให้มึงผิดหวัง เป็นแฟนกับกูนะครับ มันพูดพลางมองด้วยสายตาแน่วแน่ ซึ่งทำเอาผมถึงกับใจเต้นรัวไม่หยุด นะครับริน เป็นแฟนกับกูนะ
อะ…อืม
อะไรอืม
ก็อืมไง
อืมอะไร ไม่เข้าใจดูมันกวนสิครับ ผมอุตส่าห์ตอบรับมันเป็นแฟนแล้ว ยังจะเลือกมากอีก
เออ กูตกลงจะเป็นแฟนกับมึงไงเล่าไอ้บอย พอผมพูดจบมันก็ดึงผมเข้าไปสวมกอดทันที ซึ่งทำเอาผมถึงกับตกใจ บะ…บอย อย่า ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ
แต่มันไม่สนครับ กลับกอดผมอย่างแนบแน่น
ขอบคุณนะที่ตอบรับกูเป็นแฟน
อะ…อืม
กูจะดูแลมึงให้ดีที่สุดเท่าที่กูจะทำได้
อืมแล้วมันก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระก่อนจะนอนลงบนเตียงอีกครั้ง เดี๋ยวกูเดินไปบอกหมอก่อนนะว่ามึงฟื้นแล้ว
อืม รีบไปรีบมานะครับ
แล้วผมก็เดินออกไปนอกห้องเพื่อที่จะบอกหมอ แต่พอเดินออกไปข้างนอกห้องแล้วกลับพบชายวัยกลางคนในชุดสูทเดินตีหน้ายักษ์เข้ามาหาผมทันที
เธอใช่ไหมที่ชื่อริน
คะ…ครับ คุณคือ?” ผมถามกลับอย่างสงสัย เพราะไม่รู้จักผู้ชายคนนี้
พ่อของบอย อย่าให้ฉันต้องพูดมาก เลิกกับลูกชายของฉันซะ
!!!!!!!

*เครดิต เพลงล้านคำขอโทษ By แอน ธิติมา