ตอนที่ 48 ใจสลาย
ผมมารู้สึกตัวอีกที ความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาทั่วร่างกาย
จนยากที่จะขยับตัวได้ไหว จึงได้แต่ลืมตาขึ้นมามอง เห็นเพดานสีขาวไม่คุ้นตา
ครั้นพอจะยกมือขึ้นกลับพบว่ามีอะไรบางอย่างจับไว้อยู่ พอก้มลงมองไปยังจุดนั้นก็เห็นใบหน้าคุ้นตานอนหลับตาพริ้มโดยที่มือของอีกฝ่ายยังจับมือของผมไม่ยอมปล่อย
พี่ซี
ถ้าสังเกตดูดีๆ จะเห็นคราบน้ำตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
นี่แสดงว่าพี่ซีร้องไห้เพราะผมชัวร์ พอผมจะขยับตัวคลายเมื่อย
กลับทำให้คนหลับสะดุ้งตื่น
“อือ อ๊ะ ที่รักคุณฟื้นแล้ว!” พี่ซีพูดด้วยความดีใจก่อนจับมือผมข้างที่มีสายน้ำเกลือยกขึ้นมาหอม
“ฟอด ที่รัก…ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่เลยรู้ไหมครับ
ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
เพราะถ้าไม่ทำ คนที่เจ็บจะเป็นพี่ซีกับคุณพ่อพี่ซีนะสิ
“ครับพี่ซี” แล้วพี่ซีก็กดปุ่มเรียกหมอให้มาตรวจดูอาการ
ซึ่งหมอก็มาตรวจดูก่อนจะปล่อยให้ผมได้นอนพักผ่อน “พี่ซีครับ
เอ่อ ผมอยากจะโทรหารินนะครับ”
ผมถามหามือถือเพราะอยากจะโทรหาน้องชายฝาแฝดเพื่อขอโทษ
ซึ่งอีกฝ่ายเข้าใจดีจึงส่งมือถือให้
(พี่ซีบอกว่ามือถือผมพังไปกับตอนผมล้มกระแทกพื้นแล้วนะครับ) พออีกฝ่ายรับสายผมก็กรอกเสียงลงไปทันที
“นี่เรนเองนะ ขอสายรินหน่อย”
“ไม่ได้ รินพึ่งฟื้นเมื่อกี้เอง” คนรับสายเป็นไอ้บอยครับ แต่จะไปโทษมันก็ไม่ได้
เพราะผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนที่มันรักต้องบาดเจ็บ “ถ้าอยากคุย
มึงต้องมาที่โรงพยาบาลเอง”
แต่ผมยังไม่ทันพูดตอบมัน เสียงรินก็ดังขึ้นแทรกเสียก่อน
“มึงเสือกไม่เข้าเรื่องไอ้บอย
กูจะคุยกับพี่กู เรนอย่าไปฟังมันนะ ไอ้นี่มันบ้า
พวกไอ้หนึ่งจะมาคุยกับรินแต่มันไม่ยอม แถมไล่ออกจากห้องอีก”
“ก็กูห่วงมึงนี่หว่า
มึงพึ่งจะฟื้นขึ้นมาเองนะ”
“ห่วงไม่เข้าเรื่อง กูเจ็บไม่มากหรอก
มึงหุบปากได้แล้วไอ้บอย กูจะคุยกับพี่กู” แล้วผมก็ได้ยินเสียงไอ้บอยบ่นงุ้งงิ้งอะไรของมัน
(คงงอนรินมั้ง) ซึ่งผมจับใจความไม่ได้ครับ
“ริน เรนขอโทษนะ
เรนทำให้รินต้องเจ็บตัวอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรเรน ไม่ต้องขอโทษหรอก
รินเจ็บไม่มาก ว่าแต่เรนเถอะ เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า”
“ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอกริน เรนพอทนได้” แล้วผมก็คุยกับรินไปซักระยะก่อนจะขอสายคุณพ่อที่อยู่เฝ้าริน
ซึ่งคุณพ่อบอกว่าเดี๋ยวจะทำเรื่องส่งตัวรินไปนอนห้องเดียวกับผม
เพราะคุณพ่อคุณแม่จะได้สะดวกในการดูแลพวกผมสองคน
ส่วนคุณแม่ของผมกับคุณแม่ของพี่ซีแวะมาดูผมหลังจากแวะกลับไปอาบน้ำแต่งตัว กะว่าจะนอนค้างอยู่กับผมซักคืน
ซึ่งทำเอาพี่ซีหน้าหงิกเพราะอยากจะนอนอยู่เฝ้ากับผมแค่สองคน พอผมถามถึงคุณพ่อพี่ซี
ร่างสูงกลับทำหน้าบึ้งก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีออกจากห้องไปอย่างหน้าตาเฉย
“เรื่องคุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะลูกเรน
ช่างหัวเขาเถอะ” คุณแม่พี่ซีพูดตอบแค่นั้น
ซึ่งผมก็ไม่อยากจะถามให้มากความ ก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน
พักสักหน่อยแล้วกัน...
ที่ผมหายตัวไปข้างนอกโดยไม่อยู่ดูอาการคนรักของลูกชายนั้นก็เป็นเพราะผมกำลังตามหาคนร้าย
โดยใช้เส้นสายทางตำรวจอีกที ซึ่งใช้เวลาอยู่สองชั่วโมงตำรวจก็สืบตามจับได้ ปรากฏว่าเป็นคนที่ถูกจ้างวานมาอีกที
(คนจ้างวานเป็นคู่แข่งทางการค้าของบริษัทผมนะครับ)
หลังจากเคลียร์อยู่พักใหญ่ผมก็ขับรถแวะกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
ผมถามประชาสัมพันธ์ก่อนจะรู้ว่าคนไข้ปลอดภัยดีแล้ว
และตอนนี้ได้ส่งตัวไปพักในห้องพักฟื้น เมื่อรู้ว่าอยู่ห้องไหนแล้วผมก็เดินขึ้นลิฟต์ไปทันที
ไม่นานนักก็มาถึงห้องจนได้ แต่ผมยังไม่ทันได้เข้าห้อง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก
เห็นเจ้าลูกชายตัวแสบกำลังเดินออกมาพอดี ทำเอาทั้งผมทั้งลูกชายต่างหยุดชะงัก
“ยังมีหน้าโผล่มาได้อีกรึ”
!!!!!!
ผมถึงกับอึ้ง เพราะเดิมทีลูกชายผมจะพูดกับผมด้วยน้ำเสียงสุภาพ
แต่นี่กลับพูดห้วนเย็นชาใส่ผม
แถมนอกจากนี้ยังจ้องมองมาที่ผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้
แต่ไม่เป็นไรครับ ผมให้อภัยลูกชายได้
เขาคงกำลังโมโหที่คนรักตัวเองกำลังบาดเจ็บอยู่
“พ่อแค่จะมาดูเรนว่าเป็นยังไงบ้าง” ผมพูดโดยเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เผื่อลูกชายจะใจเย็นขึ้นมาซักนิดแต่ดูเหมือนไม่ได้ผลนะครับ
อีกฝ่ายผลักผมให้ถอยหลังกลับไปก่อนเจ้าตัวจะเดินออกพร้อมกับประตูที่ถูกปิดเบาๆ
“ดูแล้วไงล่ะ แค่มาส่งก็น่าจะพอแล้ว”
“ไอ้ซี!”
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาล
กรุณาอย่าทำเสียงดัง มันรบกวนคนป่วย”
“ให้พ่อเข้าไปหน่อย พ่อมีเรื่องจะบอก...”
“มีอะไรให้ไปบอกกับคุณแม่เอาเองแล้วกัน
เพราะตอนนี้น้องเรนหลับอยู่” แล้วเจ้าตัวก็เดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งก่อนจะตามด้วยเสียงประตูห้องถูกล็อกกลอน
คาดว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากให้ผมเข้าไปในนั้นจริงๆ
ครั้นพอผมจะหมุนตัวเดินไปถามหมอเรื่องอาการของคนรักลูกชาย
ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเมียผมกำลังเดินมาทางนี้พอดี
“คุณมาก็ดีแล้ว
มาช่วยบอกลูกชายคุณให้เปิดประตู...”
“ที่นี่ไม่ต้อนรับคนแล้งน้ำใจคนอย่างคุณ”
!!!!!!
“กลับไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”
!!!!!!
“ที่รัก อย่าแกล้งผมแบบนี้สิ
มันไม่สนุกนะ”
“ไม่ได้แกล้ง ฉันเอาจริง อ้อ
แล้วสองสามวันนี้ห้ามกลับไปนอนที่บ้านล่ะ เพราะฉันไม่ต้อนรับคนใจดำอย่างคุณ”
“เฮ้ย?! แล้วคุณจะให้ผมไปนอนที่ไหนล่ะ”
“ไม่รู้สิ มันก็เรื่องของคุณ
จะนอนตามถนนก็เชิญ” แล้วร่างบางก็เดินเคาะประตูห้องก่อนจะพูดว่า
“นี่แม่เองซี มาเปิดประตูให้แม่หน่อย”
พอประตูถูกเปิดออก เมียผมก็หันมายิ้มหยันราวกับจะเยาะเย้ยถากถางผม
จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในอย่างผู้กำชัยพร้อมกับประตูที่ถูกปิดสนิท
ให้ตายสิ ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่าผมกำลังถูกครอบครัวแอนตี้!!
หลังจากผมถูกย้ายมาอยู่กับเรนแล้ว ห้องคนป่วยก็ดูครึกครื้นจนพยาบาลเข้ามาเตือนว่าอย่าทำเสียงดัง
แหม ไม่ให้เสียงดังได้ยังไงครับ
ก็ในเมื่อห้องคนป่วยมีคนรู้จักมาเยี่ยมเยอะเสียเหลือเกิน
จะว่าไปเรื่องที่เรนถูกรถชนนั้นก็เป็นเพราะว่าได้วิ่งเข้าไปผลักคุณพ่อกับพี่ซีให้พ้นตัวรถ
แล้วตัวเองก็โดนชนแทน แหม พี่ชายผมนี่ช่างเป็นผู้ชายใจเกินร้อยจริงๆ
ส่วนเรื่องคนร้ายที่มาขับรถชนเรนนั้นรู้สึกว่าจะเป็นคู่แข่งบริษัทของคุณพ่อพี่ซีที่จ้างวานให้ทำนะครับ
(มีข่าวออกหนังสือพิมพ์เลยรู้นะ)
แต่จนป่านนี้แล้วผมยังไม่เห็นหน้าคุณพ่อพี่ซีเลยครับ
(เห็นเรนบอกว่าพี่ซีกับคุณแม่พี่ซีไม่ยอมให้เข้ามาเยี่ยม)
“ที่รักครับ ทานอีกหน่อยนะ” พี่ซีพูดเสียงออดอ้อน
ผิดกับภาพลักษณ์พี่ว๊ากสุดโหดที่ผมเคยเห็นมา
ตอนนี้พี่ซีกำลังป้อนข้าวต้มให้เรนครับ แหม มุ้งมิ้งกันจัง “นะครับนะ อีกสักคำสองคำก็ยังดี”
พี่ชายผมเป็นคนทานข้าวน้อย
โดยเฉพาะเวลาป่วยจะทานน้อยยิ่งกว่าแมวดมอีก
“ไม่เอาพี่ซี ผมอิ่มแล้ว”
“งั้นอีกคำเดียวแล้วทานยานะครับ” พี่ซียื่นคำขาด ทำให้เรนยอมทานอีกคำแต่โดยดี
“มองเขาอยู่ได้นั่นแหละ อิจฉารึไง” เสียงไอ้บอยดังขึ้นก่อนจะคางให้ผมหันหน้าไปมองมัน
ตอนนี้ไอ้บอยกำลังหยิบแอปเปิลจ่อปากผมอยู่ครับ “อ้าปากครับเมีย
ผลไม้มีประโยชน์ ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง”
“อื้อ ไม่เอา กูอิ่มแล้ว”
“ไม่อิ่มก็ต้องกิน” ไอ้นี่ก็ดุจัง “ถ้ามึงไม่กิน
เดี๋ยวกูป้อนด้วยปากต่อหน้าทุกคนเลยนี่”
“เออๆ กินก็ได้วะ แม่งบังคับกูจัง” ผมพูดยอมๆก่อนจะอ้าปากให้มันป้อนครับ
หลังจากกินเสร็จ ไอ้บอยก็เดินออกไปข้างนอกเพื่อซื้อขนมมาให้ผมกินอีก (เซ็งครับ
อิ่มจะตายแล้วยังซื้อมาให้ผมกินอยู่ได้นั่นแหละ)
ผมกับเรนนั่งดูทีวีไปได้ซักพักก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ทำให้พี่ซีที่พึ่งจะลุกขึ้นเอาชามไปวางซิงค์ล้างจานต้องเดินไปเปิดประตูให้
คงกลัวว่าจะเป็นพ่อพี่ซีมั้งครับ เห็นเรนว่าตอนนี้บ้านพี่ซีกำลังแอนตี้คุณพ่ออยู่
(ฮา)
แกรก แอ๊ด
เสียงประตูถูกเปิดทำเอาผมเดาได้ว่าคนที่มาหาคงไม่ใช่พ่อพี่ซีอย่างแน่นอน
(ตรงที่ผมนอนมันมองไม่เห็นประตูนะครับ)
“คุณเป็นใคร ไม่ทราบว่ามาหาใครครับ” เสียงพี่ซีถาม
“ฉันเป็นพ่อของบอย มาหาคนชื่อริน”
!!!!!!!
ผมซื้อขนมมาตุนไว้เยอะเลยครับ แถมเป็นขนมที่เมียผมชอบเสียด้วย
(อันนี้รู้มาจากพวกไอ้หนึ่งครับ พวกมันเคยบอกผมไว้)
ก่อนจะกลับแวะซื้อนมให้เมียดื่มด้วยครับ จะได้เสริมแคลเซียม
ครั้นพอผมเดินขึ้นลิฟต์จนมาถึงหน้าห้อง
ผมก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยดังลอดมาจากข้างใน
“ผมบอกแล้วไงครับว่าผมยอมคบกับบอยเพราะผมรักมัน
ถ้าคุณยังคิดจะเอาเงินฟาดหัวผมอีก ก็เชิญคุณกลับไปซะเถอะ” เสียงรินพูดด้วยความไม่พอใจ
ก่อนจะตามด้วยเสียงคุ้นเคยที่ผมไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้ามาเหยียบที่นี่ได้
“ฉันขอโทษที่เคยทำแบบนั้นกับเธอ” ผมถึงกับมุ่นคิ้วเมื่อได้ยินคำขอโทษจากปากคนที่ชื่อว่าพ่อ
เพราะนิสัยคนอย่างพ่อไม่เคยพูดขอโทษใครเลยถ้าตัวเองไม่ผิดจริง “แต่ฉันรักบอยมาก
รักมากจนสามารถยอมยกทุกอย่างเพื่อความสุขของเขา”
คุณพ่อนะหรือรักผม อย่าพูดให้ขำไปหน่อยเลย!
“อย่าหาว่าผมสั่งสอนผู้ใหญ่
ผมว่าคุณรักลูกมากไป รักมากจนลืมตัวไปว่าความสุขที่ท่านมอบให้บอยนั้นมันใช่ของจริงหรือเปล่า” คำพูดของรินทำเอาผมถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม ใช่
คุณพ่อไม่เคยจะเหลียวแลผมตั้งแต่คุณแม่จากพวกเราไป
ได้แต่ทำงานแล้วส่งเงินมาให้ผมเพียงอย่างเดียว
แถมนอกจากนี้เอาแต่เสพสุขกับเมียใหม่จนลืมไปแล้วว่ายังมีผมเป็นลูกชายของเขาอยู่ทั้งคน
“ผมพูดได้แค่นี้ กรุณากลับไปเถอะครับ
ผมขอร้องล่ะ”
“ถ้างั้นก่อนไปฉันขอพูดอะไรกับเธออีกซักอย่างได้ไหมล่ะ”
“ได้สิครับ เชิญ”
“ถ้ารักเขาจริง
ช่วยลืมทุกอย่างแล้วเลิกกับลูกชายฉันซะเถอะนะ เพราะฉันจะพาเขาไปอยู่ที่ต่างประเทศด้วยในอีกสองวันข้างหน้า”
!!!!!!!
“ที่ฉันพูดไม่ใช่เพราะเห็นแก่ตัวเอง
แต่เห็นแก่บอย ฉันอยากจะดูแลเขาให้เต็มที่เพื่อชดเชยเวลาที่ขาดหายไป
ถ้าเธอรักเขาจริง ก็ปล่อยให้เขาไปอยู่กับครอบครัวเถอะ”
“ผม…” ฟังเสียงรินดูเหมือนจะลังเลใจกับคำพูดนั้น
ทำเอาผมถึงกับลุ้นจนตัวโก่ง
“ฉันจะดูแลเขาเป็นอย่างดีให้สมที่เป็นพ่อคน
ฉะนั้นเธอไม่ต้องเป็นห่วง”
“ตกลงครับ”
!!!!!!!
คำพูดของรินทำเอาผมถึงกับขาอ่อนเปลี้ยไม่มีแรง
หัวใจบีบแน่นจนต้องยกมือขึ้นมากุม ทำเอาขนมในมือที่เคยถืออยู่ถึงกับร่วงหล่นพื้น
แน่นอนว่าผมไม่คิดจะอยู่ฟังต่อ เพราะยิ่งอยู่ฟังก็ยิ่งเจ็บปวด
น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วถึงกับไหลออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่
ครั้นพอก้าวเท้าเดินก็เกือบทรุดลงเพราะรู้สึกหมดแรง
แต่ก็ฝืนทนเดินต่อไปด้วยหัวใจที่แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี
ลาก่อนรักแรกของผม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น