วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ตอนที่ 48 ใจสลาย

ตอนที่ 48 ใจสลาย

ผมมารู้สึกตัวอีกที ความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาทั่วร่างกาย จนยากที่จะขยับตัวได้ไหว จึงได้แต่ลืมตาขึ้นมามอง เห็นเพดานสีขาวไม่คุ้นตา ครั้นพอจะยกมือขึ้นกลับพบว่ามีอะไรบางอย่างจับไว้อยู่ พอก้มลงมองไปยังจุดนั้นก็เห็นใบหน้าคุ้นตานอนหลับตาพริ้มโดยที่มือของอีกฝ่ายยังจับมือของผมไม่ยอมปล่อย
พี่ซี
ถ้าสังเกตดูดีๆ จะเห็นคราบน้ำตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน นี่แสดงว่าพี่ซีร้องไห้เพราะผมชัวร์ พอผมจะขยับตัวคลายเมื่อย กลับทำให้คนหลับสะดุ้งตื่น
อือ อ๊ะ ที่รักคุณฟื้นแล้ว!พี่ซีพูดด้วยความดีใจก่อนจับมือผมข้างที่มีสายน้ำเกลือยกขึ้นมาหอม ฟอด ที่รักผมเป็นห่วงคุณแทบแย่เลยรู้ไหมครับ ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ
เพราะถ้าไม่ทำ คนที่เจ็บจะเป็นพี่ซีกับคุณพ่อพี่ซีนะสิ
ครับพี่ซีแล้วพี่ซีก็กดปุ่มเรียกหมอให้มาตรวจดูอาการ ซึ่งหมอก็มาตรวจดูก่อนจะปล่อยให้ผมได้นอนพักผ่อน พี่ซีครับ เอ่อ ผมอยากจะโทรหารินนะครับ
ผมถามหามือถือเพราะอยากจะโทรหาน้องชายฝาแฝดเพื่อขอโทษ ซึ่งอีกฝ่ายเข้าใจดีจึงส่งมือถือให้ (พี่ซีบอกว่ามือถือผมพังไปกับตอนผมล้มกระแทกพื้นแล้วนะครับ) พออีกฝ่ายรับสายผมก็กรอกเสียงลงไปทันที
นี่เรนเองนะ ขอสายรินหน่อย
ไม่ได้ รินพึ่งฟื้นเมื่อกี้เองคนรับสายเป็นไอ้บอยครับ แต่จะไปโทษมันก็ไม่ได้ เพราะผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนที่มันรักต้องบาดเจ็บ ถ้าอยากคุย มึงต้องมาที่โรงพยาบาลเอง
แต่ผมยังไม่ทันพูดตอบมัน เสียงรินก็ดังขึ้นแทรกเสียก่อน
มึงเสือกไม่เข้าเรื่องไอ้บอย กูจะคุยกับพี่กู เรนอย่าไปฟังมันนะ ไอ้นี่มันบ้า พวกไอ้หนึ่งจะมาคุยกับรินแต่มันไม่ยอม แถมไล่ออกจากห้องอีก
ก็กูห่วงมึงนี่หว่า มึงพึ่งจะฟื้นขึ้นมาเองนะ
ห่วงไม่เข้าเรื่อง กูเจ็บไม่มากหรอก มึงหุบปากได้แล้วไอ้บอย กูจะคุยกับพี่กูแล้วผมก็ได้ยินเสียงไอ้บอยบ่นงุ้งงิ้งอะไรของมัน (คงงอนรินมั้ง) ซึ่งผมจับใจความไม่ได้ครับ
ริน เรนขอโทษนะ เรนทำให้รินต้องเจ็บตัวอีกแล้ว
ไม่เป็นไรเรน ไม่ต้องขอโทษหรอก รินเจ็บไม่มาก ว่าแต่เรนเถอะ เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า
ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอกริน เรนพอทนได้แล้วผมก็คุยกับรินไปซักระยะก่อนจะขอสายคุณพ่อที่อยู่เฝ้าริน ซึ่งคุณพ่อบอกว่าเดี๋ยวจะทำเรื่องส่งตัวรินไปนอนห้องเดียวกับผม เพราะคุณพ่อคุณแม่จะได้สะดวกในการดูแลพวกผมสองคน ส่วนคุณแม่ของผมกับคุณแม่ของพี่ซีแวะมาดูผมหลังจากแวะกลับไปอาบน้ำแต่งตัว กะว่าจะนอนค้างอยู่กับผมซักคืน ซึ่งทำเอาพี่ซีหน้าหงิกเพราะอยากจะนอนอยู่เฝ้ากับผมแค่สองคน พอผมถามถึงคุณพ่อพี่ซี ร่างสูงกลับทำหน้าบึ้งก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีออกจากห้องไปอย่างหน้าตาเฉย
เรื่องคุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะลูกเรน ช่างหัวเขาเถอะคุณแม่พี่ซีพูดตอบแค่นั้น ซึ่งผมก็ไม่อยากจะถามให้มากความ ก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน
พักสักหน่อยแล้วกัน...


ที่ผมหายตัวไปข้างนอกโดยไม่อยู่ดูอาการคนรักของลูกชายนั้นก็เป็นเพราะผมกำลังตามหาคนร้าย โดยใช้เส้นสายทางตำรวจอีกที ซึ่งใช้เวลาอยู่สองชั่วโมงตำรวจก็สืบตามจับได้ ปรากฏว่าเป็นคนที่ถูกจ้างวานมาอีกที (คนจ้างวานเป็นคู่แข่งทางการค้าของบริษัทผมนะครับ) หลังจากเคลียร์อยู่พักใหญ่ผมก็ขับรถแวะกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ผมถามประชาสัมพันธ์ก่อนจะรู้ว่าคนไข้ปลอดภัยดีแล้ว และตอนนี้ได้ส่งตัวไปพักในห้องพักฟื้น เมื่อรู้ว่าอยู่ห้องไหนแล้วผมก็เดินขึ้นลิฟต์ไปทันที ไม่นานนักก็มาถึงห้องจนได้ แต่ผมยังไม่ทันได้เข้าห้อง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก เห็นเจ้าลูกชายตัวแสบกำลังเดินออกมาพอดี ทำเอาทั้งผมทั้งลูกชายต่างหยุดชะงัก
ยังมีหน้าโผล่มาได้อีกรึ
!!!!!!
ผมถึงกับอึ้ง เพราะเดิมทีลูกชายผมจะพูดกับผมด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่นี่กลับพูดห้วนเย็นชาใส่ผม แถมนอกจากนี้ยังจ้องมองมาที่ผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมให้อภัยลูกชายได้ เขาคงกำลังโมโหที่คนรักตัวเองกำลังบาดเจ็บอยู่
พ่อแค่จะมาดูเรนว่าเป็นยังไงบ้างผมพูดโดยเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เผื่อลูกชายจะใจเย็นขึ้นมาซักนิดแต่ดูเหมือนไม่ได้ผลนะครับ อีกฝ่ายผลักผมให้ถอยหลังกลับไปก่อนเจ้าตัวจะเดินออกพร้อมกับประตูที่ถูกปิดเบาๆ
ดูแล้วไงล่ะ แค่มาส่งก็น่าจะพอแล้ว
ไอ้ซี!
ที่นี่เป็นโรงพยาบาล กรุณาอย่าทำเสียงดัง มันรบกวนคนป่วย
ให้พ่อเข้าไปหน่อย พ่อมีเรื่องจะบอก...
มีอะไรให้ไปบอกกับคุณแม่เอาเองแล้วกัน เพราะตอนนี้น้องเรนหลับอยู่แล้วเจ้าตัวก็เดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งก่อนจะตามด้วยเสียงประตูห้องถูกล็อกกลอน คาดว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากให้ผมเข้าไปในนั้นจริงๆ ครั้นพอผมจะหมุนตัวเดินไปถามหมอเรื่องอาการของคนรักลูกชาย ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเมียผมกำลังเดินมาทางนี้พอดี
คุณมาก็ดีแล้ว มาช่วยบอกลูกชายคุณให้เปิดประตู...
ที่นี่ไม่ต้อนรับคนแล้งน้ำใจคนอย่างคุณ
!!!!!!
กลับไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก
!!!!!!
ที่รัก อย่าแกล้งผมแบบนี้สิ มันไม่สนุกนะ
ไม่ได้แกล้ง ฉันเอาจริง อ้อ แล้วสองสามวันนี้ห้ามกลับไปนอนที่บ้านล่ะ เพราะฉันไม่ต้อนรับคนใจดำอย่างคุณ
เฮ้ย?! แล้วคุณจะให้ผมไปนอนที่ไหนล่ะ
ไม่รู้สิ มันก็เรื่องของคุณ จะนอนตามถนนก็เชิญแล้วร่างบางก็เดินเคาะประตูห้องก่อนจะพูดว่า นี่แม่เองซี มาเปิดประตูให้แม่หน่อย
พอประตูถูกเปิดออก เมียผมก็หันมายิ้มหยันราวกับจะเยาะเย้ยถากถางผม จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในอย่างผู้กำชัยพร้อมกับประตูที่ถูกปิดสนิท
ให้ตายสิ ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่าผมกำลังถูกครอบครัวแอนตี้!!


หลังจากผมถูกย้ายมาอยู่กับเรนแล้ว ห้องคนป่วยก็ดูครึกครื้นจนพยาบาลเข้ามาเตือนว่าอย่าทำเสียงดัง แหม ไม่ให้เสียงดังได้ยังไงครับ ก็ในเมื่อห้องคนป่วยมีคนรู้จักมาเยี่ยมเยอะเสียเหลือเกิน จะว่าไปเรื่องที่เรนถูกรถชนนั้นก็เป็นเพราะว่าได้วิ่งเข้าไปผลักคุณพ่อกับพี่ซีให้พ้นตัวรถ แล้วตัวเองก็โดนชนแทน แหม พี่ชายผมนี่ช่างเป็นผู้ชายใจเกินร้อยจริงๆ ส่วนเรื่องคนร้ายที่มาขับรถชนเรนนั้นรู้สึกว่าจะเป็นคู่แข่งบริษัทของคุณพ่อพี่ซีที่จ้างวานให้ทำนะครับ (มีข่าวออกหนังสือพิมพ์เลยรู้นะ) แต่จนป่านนี้แล้วผมยังไม่เห็นหน้าคุณพ่อพี่ซีเลยครับ (เห็นเรนบอกว่าพี่ซีกับคุณแม่พี่ซีไม่ยอมให้เข้ามาเยี่ยม)
ที่รักครับ ทานอีกหน่อยนะพี่ซีพูดเสียงออดอ้อน ผิดกับภาพลักษณ์พี่ว๊ากสุดโหดที่ผมเคยเห็นมา ตอนนี้พี่ซีกำลังป้อนข้าวต้มให้เรนครับ แหม มุ้งมิ้งกันจัง นะครับนะ อีกสักคำสองคำก็ยังดี
พี่ชายผมเป็นคนทานข้าวน้อย โดยเฉพาะเวลาป่วยจะทานน้อยยิ่งกว่าแมวดมอีก
ไม่เอาพี่ซี ผมอิ่มแล้ว
งั้นอีกคำเดียวแล้วทานยานะครับพี่ซียื่นคำขาด ทำให้เรนยอมทานอีกคำแต่โดยดี
มองเขาอยู่ได้นั่นแหละ อิจฉารึไงเสียงไอ้บอยดังขึ้นก่อนจะคางให้ผมหันหน้าไปมองมัน ตอนนี้ไอ้บอยกำลังหยิบแอปเปิลจ่อปากผมอยู่ครับ อ้าปากครับเมีย ผลไม้มีประโยชน์ ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
อื้อ ไม่เอา กูอิ่มแล้ว
ไม่อิ่มก็ต้องกินไอ้นี่ก็ดุจัง ถ้ามึงไม่กิน เดี๋ยวกูป้อนด้วยปากต่อหน้าทุกคนเลยนี่
เออๆ กินก็ได้วะ แม่งบังคับกูจังผมพูดยอมๆก่อนจะอ้าปากให้มันป้อนครับ หลังจากกินเสร็จ ไอ้บอยก็เดินออกไปข้างนอกเพื่อซื้อขนมมาให้ผมกินอีก (เซ็งครับ อิ่มจะตายแล้วยังซื้อมาให้ผมกินอยู่ได้นั่นแหละ) ผมกับเรนนั่งดูทีวีไปได้ซักพักก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้พี่ซีที่พึ่งจะลุกขึ้นเอาชามไปวางซิงค์ล้างจานต้องเดินไปเปิดประตูให้ คงกลัวว่าจะเป็นพ่อพี่ซีมั้งครับ เห็นเรนว่าตอนนี้บ้านพี่ซีกำลังแอนตี้คุณพ่ออยู่ (ฮา)
แกรก แอ๊ด
เสียงประตูถูกเปิดทำเอาผมเดาได้ว่าคนที่มาหาคงไม่ใช่พ่อพี่ซีอย่างแน่นอน (ตรงที่ผมนอนมันมองไม่เห็นประตูนะครับ)
คุณเป็นใคร ไม่ทราบว่ามาหาใครครับเสียงพี่ซีถาม
ฉันเป็นพ่อของบอย มาหาคนชื่อริน
!!!!!!!


ผมซื้อขนมมาตุนไว้เยอะเลยครับ แถมเป็นขนมที่เมียผมชอบเสียด้วย (อันนี้รู้มาจากพวกไอ้หนึ่งครับ พวกมันเคยบอกผมไว้) ก่อนจะกลับแวะซื้อนมให้เมียดื่มด้วยครับ จะได้เสริมแคลเซียม ครั้นพอผมเดินขึ้นลิฟต์จนมาถึงหน้าห้อง ผมก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยดังลอดมาจากข้างใน
ผมบอกแล้วไงครับว่าผมยอมคบกับบอยเพราะผมรักมัน ถ้าคุณยังคิดจะเอาเงินฟาดหัวผมอีก ก็เชิญคุณกลับไปซะเถอะเสียงรินพูดด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะตามด้วยเสียงคุ้นเคยที่ผมไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้ามาเหยียบที่นี่ได้
ฉันขอโทษที่เคยทำแบบนั้นกับเธอผมถึงกับมุ่นคิ้วเมื่อได้ยินคำขอโทษจากปากคนที่ชื่อว่าพ่อ เพราะนิสัยคนอย่างพ่อไม่เคยพูดขอโทษใครเลยถ้าตัวเองไม่ผิดจริง แต่ฉันรักบอยมาก รักมากจนสามารถยอมยกทุกอย่างเพื่อความสุขของเขา
คุณพ่อนะหรือรักผม อย่าพูดให้ขำไปหน่อยเลย!
อย่าหาว่าผมสั่งสอนผู้ใหญ่ ผมว่าคุณรักลูกมากไป รักมากจนลืมตัวไปว่าความสุขที่ท่านมอบให้บอยนั้นมันใช่ของจริงหรือเปล่าคำพูดของรินทำเอาผมถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม ใช่ คุณพ่อไม่เคยจะเหลียวแลผมตั้งแต่คุณแม่จากพวกเราไป ได้แต่ทำงานแล้วส่งเงินมาให้ผมเพียงอย่างเดียว แถมนอกจากนี้เอาแต่เสพสุขกับเมียใหม่จนลืมไปแล้วว่ายังมีผมเป็นลูกชายของเขาอยู่ทั้งคน ผมพูดได้แค่นี้ กรุณากลับไปเถอะครับ ผมขอร้องล่ะ
ถ้างั้นก่อนไปฉันขอพูดอะไรกับเธออีกซักอย่างได้ไหมล่ะ
ได้สิครับ เชิญ
ถ้ารักเขาจริง ช่วยลืมทุกอย่างแล้วเลิกกับลูกชายฉันซะเถอะนะ เพราะฉันจะพาเขาไปอยู่ที่ต่างประเทศด้วยในอีกสองวันข้างหน้า
!!!!!!!
ที่ฉันพูดไม่ใช่เพราะเห็นแก่ตัวเอง แต่เห็นแก่บอย ฉันอยากจะดูแลเขาให้เต็มที่เพื่อชดเชยเวลาที่ขาดหายไป ถ้าเธอรักเขาจริง ก็ปล่อยให้เขาไปอยู่กับครอบครัวเถอะ
ผม…” ฟังเสียงรินดูเหมือนจะลังเลใจกับคำพูดนั้น ทำเอาผมถึงกับลุ้นจนตัวโก่ง
ฉันจะดูแลเขาเป็นอย่างดีให้สมที่เป็นพ่อคน ฉะนั้นเธอไม่ต้องเป็นห่วง
ตกลงครับ
!!!!!!!
คำพูดของรินทำเอาผมถึงกับขาอ่อนเปลี้ยไม่มีแรง หัวใจบีบแน่นจนต้องยกมือขึ้นมากุม ทำเอาขนมในมือที่เคยถืออยู่ถึงกับร่วงหล่นพื้น แน่นอนว่าผมไม่คิดจะอยู่ฟังต่อ เพราะยิ่งอยู่ฟังก็ยิ่งเจ็บปวด น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วถึงกับไหลออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ ครั้นพอก้าวเท้าเดินก็เกือบทรุดลงเพราะรู้สึกหมดแรง แต่ก็ฝืนทนเดินต่อไปด้วยหัวใจที่แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี
ลาก่อนรักแรกของผม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น