วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ตอนพิเศษ

ตอนพิเศษ

หลังจากที่ผมกับรินได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรักแล้ว ก็ถึงเวลาปิดเทอม ผมกับพี่ซีได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ถึงแม้จะต้องไปมาอยู่สองที่ระหว่างบ้านพี่ซีกับบ้านตัวเองก็ตาม แต่ความรักของผมกับพี่ซีก็ไม่มีวันจืดจางลง ไม่ต้องสงสัยหรอกนะครับว่าทำไมผมถึงยังต้องกลับไปนอนที่บ้าน นั่นเป็นเพราะคุณพ่อคุณแม่ยังเห็นว่าผมยังเด็ก เรียนหนังสือยังไม่จบ ให้อยู่แบบนี้ไปก่อน (ผมว่ามันก็ดีไปอย่างนะครับ จะได้กลับมาดูแลคุณพ่อคุณแม่) ซึ่งพี่ซีก็ไม่ขัดข้อง ส่วนเรื่องของรินกับบอยนั้นก็คล้ายกับผม คือไปมาอยู่สองบ้านระหว่างบ้านตัวเองกับบ้านบอยครับ และนอกจากนี้การแต่งงานของพวกผมทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสามครอบครัว (พี่ซี ผม บอย) ผูกพันธุ์แน่นแฟ้นกันมากยิ่งขึ้น (พูดง่ายๆคือเหล่าคุณพ่อชอบมานั่งดื่มเหล้าคุยสนทนาที่บ้านผมกันเกือบทุกวัน) แต่สุดท้ายก็โดนคุณแม่ผมกับคุณแม่พี่ซีตวาดว่าให้เพลาเรื่องเหล้า ก็เลยทำให้เหล่าคุณพ่อสามหน่อต้องงดไปโดยปริยาย และหันมาดื่มน้ำชาแก่ๆแทน (ฮา)
พี่ซีครับ ผมมีเรื่องจะพูดด้วย หลังจากปรึกษาหารือกับรินดูแล้วว่าผมต้องพูดให้นะครับ
ว่ายังไงครับที่รัก มีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่เหรอ หลังแต่งงานพี่ซีใช้คำสรรพนามในการแทนตัวเองว่าพี่ ทำเอาผมรู้สึกแปลกๆ เพราะยังไม่ชินเท่าที่ควร
คือผมคุยกับรินดูแล้วว่า...
ว่า?
อยากจะชวนพี่ซีกับบอยไปกราบไหว้คุณพ่อคุณแม่ที่แท้จริงของผมกับรินนะครับ พอผมพูดจบ ร่างสูงถึงกับนิ่งเงียบ แต่ถ้าพี่ซีไม่อยากไป ก็ไม่ต้องไป...
พี่อยากไปครับพี่ซีตอบทันควัน
พี่ซีแน่ใจแล้วเหรอครับว่าอยากไปผมถามอย่างลังเล เพราะไม่มีแฟนคนไหนอยากจะไปหาพ่อแม่ที่ทำร้ายคนรักของตัวเองได้ลงคอหรอก
แน่ใจสิครับพี่ซียิ้มตอบก่อนจะพูดต่อ เพราะพี่อยากจะไปแนะนำตัวเองให้คุณพ่อคุณแม่ของที่รักให้รู้จักในฐานะสามีของลูกชายเขายังไงล่ะครับ
สิ้นคำตอบของพี่ซี ทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าวทันที
แล้วนี่น้องรินได้ไปคุยกับน้องบอยแล้วรึยังครับที่รัก
คุยแล้วครับพี่ซี บอยบอกว่าตกลงจะไปด้วย
ดีล่ะ งั้นไปพร้อมกันพรุ่งนี้เลยนะ
ครับพี่ซี

รุ่งเช้าวันถัดมาผมก็ลุกขึ้นมาจัดเตรียมอาหารไปกินเผื่อกลางวันสำหรับทุกคน เพราะไม่อยากเปลืองเงินไปหาซื้ออะไรกินตามข้างทาง แถมนอกจากนี้กลัวไม่สะอาดด้วยครับ
“ไม่ทำเยอะไปหน่อยเหรอเรน” เสียงรินดังเจื้อยแจ้ว ทำเอาผมที่กำลังเอาข้าวใส่ปิ่นโตชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองน้องชายฝาแฝด ซึ่งเจ้าตัวยังอยู่ในชุดนอนอยู่ “เดี๋ยวก็กินไม่หมดหรอก”
“หมดแน่ รินลืมแล้วเหรอว่าบอยมันทานข้าวเยอะมากแค่ไหน ยิ่งพี่ซีอีก”
“หึ ไม่เยอะหรอก เรนตั้งหากที่ทานน้อยกว่าชาวบ้าน”
“ไม่ต้องพูดมาก รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเข้า ชักช้าเดี๋ยวไม่พาไปด้วยเลยนี่” ผมพูดขู่ไปงั้นแหละ “อ้อ แล้วก็อย่าลืมปลุกไอ้บอยด้วยล่ะ รายนี้ยิ่งตื่นสายกว่าชาวบ้าน”
“จ้าๆ ใครจะไปเหมือนสุดที่รักของเรนได้ล่ะ ตื่นแต่เช้าตรู่ หึๆ ไปล่ะๆไม่แซวแล้ว” รินรีบจ้ำเท้าเดินออกไปจากห้องครัวเพราะเห็นผมทำท่าหยิบมีดขึ้นมาจะขู่ ไม่ต้องสงสัยหรอกนะครับว่าตอนนี้พวกผมอยู่ที่ไหน บ้านของผมกับรินเองครับ สองสามวันนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ ออกไปฮันนีมูนด้วยกันทั้งคู่ ก็เลยทำให้พี่ซีกับไอ้บอยต้องมานอนอยู่บ้านนี้พร้อมหน้าพร้อมตากัน (หลังจากแต่งงาน ผมกับรินแทบจะไม่ได้นอนด้วยพร้อมกันอีก เพราะต่างคนต่างไปนอนกับคนที่ตัวเองรัก) พอเห็นว่ารินไปแล้วผมก็หันมาจัดการอาหารใส่ปิ่นโตต่อ แต่แล้วมีอันต้องสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ๆมีก็มือหนาเข้ามาโอบเอวผมอย่างแนบแน่น
“เมื่อครู่นี้คุยกับรินเหรอครับที่รัก เสียงดังไปถึงห้องนอนเชียว”
“โธ่พี่ซีก็ มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ผมตกใจหมดเลย” ผมพูดพลางถอนหายใจ “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับพี่ซี รินก็แค่เข้ามาถามผมเรื่องปริมาณอาหาร ว่าแต่พี่ซีเก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วใช่ไหมครับ ผมจะได้หอบปิ่นโตนี่ขึ้นรถไปเลยพร้อมกันทีเดียว”
ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าทำไมถึงต้องหอบเสื้อผ้าขึ้นรถไปด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าพี่ซีได้เอ่ยปากชวนพวกผมไปเล่นน้ำทะเลหลังจากไปกราบไหว้คุณพ่อคุณแม่เสร็จนะครับ ก็เลยต้องเตรียมชุดไปให้พร้อมอย่างที่เห็น
“ครับ เรียบร้อยแล้วครับ” แล้วพี่ซีก็อาสาหอบปิ่นโตกับกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นรถให้ผม จนกระทั่งบอยกับรินเดินลงมาพร้อมกับกระเป๋า ก็เอาขึ้นรถพร้อมกันก่อนจะปิดล็อกบ้านด้วยกุญแจเรียบร้อย แล้วพากันนั่งรถออกไปทันที

การไปกราบไหว้เยี่ยมพ่อแม่ที่สุสานในต่างจังหวัดนั้นผม ริน และคุณพ่อคุณแม่บุญธรรมเคยไปมากันอยู่หลายครั้งแล้ว (ไปครั้งแรกผมกับรินแทบไม่กล้าเข้าใกล้สุสานเพราะเอาแต่ร้องไห้ด้วยความกลัวครับ) แต่พอโตขึ้น ความคิดก็เปลี่ยน จากที่เคยกลัวภาพของผู้เป็นบิดามารดาก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง เพราะถูกพ่อแม่บุญธรรมเติมคำว่ารักไปจนเต็ม แต่พักหลังๆผมกับรินยุ่งกับการเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ก็เลยไม่ได้ไปไหว้คุณพ่อแม่อย่างที่เคยทำทุกปี ขามาพวกผมไม่ได้ทานข้าวเช้ามาก่อนครับ ดื่มแค่นมกับแซนวิชนิดหน่อยไม่มาก ก็เลยทำให้พวกผมต้องจอดแวะที่ปั้มลงไปซื้อขนมมาทานรองท้องแก้หิวไปพลางๆก่อน พอถึงที่หมายทุกคนก็พากันลงจากรถพร้อมกัน
“แน่ใจนะรินว่าใช่ที่นี่นะ” บอยถามอย่างไม่แน่ใจหลังจากเหล่ซ้ายมองขวาดูพื้นที่วัดขนาดเล็ก
“แน่ใจสิ” รินตอบก่อนจะเดินมาจับมือผมอย่างแนบแน่น ถึงแม้พวกผมสองคนจะหลงลืมกับสิ่งที่พ่อแม่ที่แท้จริงเคยทำอะไรไว้กับพวกผมไปแล้วก็ตาม แต่ลึกๆแล้วก็ยังมีความกลัวฝังอยู่ไม่หาย “ที่นี่แหละ วัดที่คุณพ่อคุณแม่นอนอยู่ สุสานจะตั้งอยู่หลังวัดแห่งนี้นะ”
“เหรอ แต่ทำไมดู...”
“เล็ก เสื่อมโสม แบบนี้ใช่ไหมล่ะ” ผมพูดตอบคำถามแทนริน เพราะถ้าเป็นรินคงจะตอบไม่ได้ “ตอนที่ฉันกับรินยังอยู่กับพ่อแม่ พวกท่านสองคนค่อนข้างมีฐานะค่อนข้างจะยากจน ญาติพี่น้องก็ไม่มี พอตายไปก็กลายเป็นศพอนาถา ส่วนพวกฉันสองคนก็เลยต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า พอไม่มีคนเลี้ยงดู ก็ถูกตำรวจส่งไปสถานเด็กกำพร้า แต่นี่โชคยังดีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่มีลูก ก็เลย...”
“พอเถอะครับที่รัก ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” พี่ซีพูดก่อนจะเดินเข้ามาเช็ดน้ำตาให้กับผม ซึ่งไม่รู้ว่ามันไหลลงมาอาบแก้มตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบครับ ส่วนรินไม่ต้องพูดถึง โดนบอยดึงมือออกจากผมเข้าไปซบอกร้องไห้เสียงสะอื้นแล้ว พี่ซีกับบอยปล่อยให้ผมกับรินยืนร้องไห้อยู่ซักพักก่อนจะพากันเดินเข้าไปข้างใน โดยภายในวัดมีเพียงสามเณรไม่กี่รูปกำลังยืนกวาดพื้นอยู่ ผมกับรินพาพี่ซีกับบอยเดินเข้ายังกุฏิแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเพียงแค่อาคารไม้เก่าแก่เพียงชั้นเดียว และภายในกุฏิมีหลวงพ่อกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่อย่างเงียบๆ พวกผมจึงเดินคลานเข้าไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยเลยครับ
“ไม่ได้เจอพวกโยมนาน ยังสบายดีอยู่ใช่ไหม” หลวงพ่อเงยหน้าถามหลังจากวางถ้วยชาลงข้างตัว ทำเอาผมกับรินยกมือขึ้นพนมตอบกลับไปว่า
“ครับ พวกผมสบายดี หลวงพ่อไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
“หึ ดีแล้วที่สบายดี อาตมาก็ค่อยหายห่วงหน่อย”
“นี่เรน นายรู้จักกับหลวงพ่อที่นี่ด้วยเหรอ” บอยหันมากระซิบถามผมเสียงเบา
“รู้จักสิ ก็พวกฉันมาทำบุญให้พ่อแม่ทุกปีนี่”
“แล้ว...”
“ถ้าโยมอยากรู้เรื่องอะไร ก็ให้มาถามอาตมาได้ เพราะตอนนั้นโยมเรนยังเล็กไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนักหรอก” หลวงพ่อพูดสวนขึ้นมา ทำเอาบอยต้องหันกลับมานั่งสงบเสงี่ยมตามเดิม “แต่ก่อนจะถามอาตมาว่าพวกโยมทำบุญสังฆทานก่อนดีกว่าไหม”
“ครับหลวงพ่อ”
แล้วพวกผมก็เอาถังสังฆทานที่ได้จัดเตรียมมาตั้งแต่บ้านวาง ก่อนจะพนมมือขึ้นสวดมนต์ตามหลวงพ่อพูด จนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพี่ซีก็นำน้ำที่กรวดแผ่ส่วนบุญกุศลไปรดลงพื้นใต้ต้นไม้ก่อนจะเดินกลับเข้ามานั่งที่ตามเดิม
“เอาล่ะ โยมมีเรื่องอะไรจะถามก็ถามมาได้เลย” บอยถึงกับหัวเราะแห้งๆ เพราะรู้สึกเขินที่ถูกหลวงพ่อแซว “แต่อาตมาจะบอกได้แค่บางเรื่องเท่านั้น เพราะบางเรื่องเป็นเรื่องที่โยมไม่สมควรรู้”
“ครับหลวงพ่อ คือผมอยากจะทราบว่าหลวงพ่อรู้จักกับเพื่อนผมได้ยังไงครับ”
“เอ้าบอย เรนบอกไปแล้วยังจะไปถามหลวงพ่อท่านซ้ำได้อีกนะ” ผมอยากจะมะเหงกหัวบอยด้วยความหมั่นไส้ ถามอะไรไม่ถาม ดันถามเรื่องถามกับผมไปแล้วเนี่ยสิ “หลวงพ่ออย่าไปตอบเลยครับ เพื่อนผมมันติงต๊องครับ”
“หึๆ ไม่เป็นไรหรอกโยมเรน อาตมาไม่ถือ” แต่บอยก็ไม่ได้ถามตามที่ตั้งใจเอาไว้ครับ พวกผมคุยกับหลวงพ่ออยู่สองสามประโยคก่อนจะบอกลาหลวงพ่อเพื่อไปไหว้คุณพ่อคุณแม่ต่อ แต่ก่อนไปหลวงพ่อได้ฝากคำพูดไว้กับพวกผมว่า อะไรที่มันผ่านไปแล้ว ก็ปล่อยผ่านมันไป กลับไปแก้ไขไม่ได้อีก จงอย่าได้เสียใจ เพราะพวกเขาทำบุญร่วมกับพวกเธอมาน้อยเกินไป
ถึงผมไม่ถามก็พอเดาออกครับว่าที่หลวงพ่อพูดมานั้นหมายถึงอะไร

หลังจากที่พวกผมทำบุญสังฆทานกันเสร็จ ที่รักของผมกับน้องรินก็พาผมกับบอยเดินนำไปยังสุสาน ซึ่งอยู่หลังวัดไม่ใกล้ไม่ไกลซักเท่าไหร่ มันเป็นกำแพงที่ถูกแปะด้วยรูปภาพของผู้เสียชีวิตพร้อมกับชื่อวันเกิด และวันตาย พอเฉียดเข้าใกล้กำแพง ทั้งเรนทั้งรินต่างหยุดชะงักเดินไปอย่างหน้าตาเฉย ทำเอาผมกับบอยหันมามองหน้ากัน
สงสัยยังกลัวพ่อแม่ตัวเองอยู่มั้ง
“ไม่ต้องกลัวครับไม่ต้องกลัว” ผมพูดปลอบใจ ในขณะที่น้องบอยก็จับมือตบไหล่คนรักตัวเองเบาๆ
“เปล่าครับพี่ซี ผมกับรินไม่ได้กลัว”
“ใช่แล้ว รินก็ไม่ได้กลัว”
“อ้าวแล้วพวกมึงสองคนหยุดเดินทำไมล่ะ” น้องบอยถามด้วยความสงสัย ซึ่งทั้งคู่ต่างให้คำตอบผมกับบอยด้วยการชี้นิ้วไปยังจุดหนึ่ง ซึ่งอยู่ด้านหน้าของตัวเอง ครั้นพอผมกับบอยหันไปดูก็พบว่าเป็นแมวสีดำกำลังนั่งอยู่ด้านหน้าพวกเรา“โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าอะไร แมวดำนี่เอง”
แมวดำ?!
จะว่าไปตอนเข้าค่ายผมก็ได้เจอแมวดำเหมือนกัน ตอนนั้นมันช่วยผมได้พบเจอกับน้องเรนที่นอนสลบอยู่ใต้เชิงหน้าผา ผมหรี่ตามองด้วยความสงสัยก่อนจะส่ายหน้าให้กับตัวเอง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่แมวสีดำตัวนั้นจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ เพราะที่น้ำตกกับที่นี่มันห่างกันเป็นโยชน์ครับ
“พี่ซีเป็นอะไรไปครับ ทำหน้าเครียดเชียว ไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“เปล่าครับที่รัก พี่สบายดี” ผมยิ้มตอบให้กับคนรัก “พี่ว่าพวกเราไปกราบไหว้คุณพ่อคุณแม่เถอะ”
“ครับ” พอพวกผมเดินหลบแมวมาอีกทาง มันกลับเดินตามพวกผมมาต้อยๆ ราวกับเดินตามเจ้านายยังไงยังงั้นแหละครับ แต่พวกผมไม่สน มันจะเดินตามมายังไงก็ช่าง (ดูเหมือนน้องรินจะสนนะครับ เห็นชอบหันไปมองตลอดเวลา) พอมาถึงที่เก็บอัฐิ น้องเรนกับน้องรินก็หยุดเดิน ทำให้ผมกับบอยได้เห็นรูปภาพของพ่อแม่ที่แท้จริงของทั้งคู่ ซึ่งแลเห็นใบหน้าละม้ายคล้ายน้องเรนน้องรินไม่ผิด (ก็เป็นพ่อแม่นี่นะ) แต่ผิดตรงที่ใบหน้าของทั้งคู่ดูดุดันเย็นชา และน่ากลัว หลังจากยืนได้สักพัก น้องเรนกับน้องรินก็จุดธูปไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะส่งให้ผมกับบอยให้ได้ไหว้บ้างครับ ผมขอโทษนะครับคุณพ่อคุณแม่ที่ผมกับรินไม่ได้มาหาตั้งหนึ่งปี ผมกับรินสบายดีครับ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ใช่แล้วฮะคุณพ่อคุณแม่ ผมกับเรนสบายดี กินอิ่มนอนหลับสบาย”
ดูท่าทั้งคู่จะรักคุณพ่อคุณแม่มาก ขนาดพวกท่านทำร้ายพวกเขาจนทิ้งรอยบาดแผลไว้ให้เป็นต่างหน้า ก็ไม่เคยคิดที่จะโกรธหรือรังเกียจพวกท่านแม้แต่น้อย
“อ้อ คุณพ่อคุณแม่ครับ พวกผมมาครั้งนี้ไม่ได้มามือเปล่าด้วยนะครับ ผมกับน้องริน...เอ่อ” เรนพูดด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น ใบหน้าแดงก่ำราวกับมะเขือเทศ มือไม้บิดเสื้อไปบิดเสื้อมาจนผมนึกเป็นห่วงกลัวเสื้อมันจะขาดไปเสียก่อน “...พาแฟน เอ้ย สามีมาด้วยครับ อ๊าย พูดแล้วเขินจัง”
รู้แล้วครับว่าเขิน แต่ก่อนอื่นช่วยดึงเสื้อลงมาก่อนด้วยครับเมีย เดี๋ยวไอ้บอยเห็นหมดหรอก
หึๆ
หึพ่องมึงไอ้บอย เลิกหัวเราะพี่กูได้แล้ว
ก็พี่มึงตลกดีนี่หว่ามันยังขำเมียผมไม่เลิก จนผมนึกอยากตบหัวมันโทษฐานหัวเราะเยาะเมียผม
พี่ซี พี่มาแนะนำตัวให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักสิครับ
ครับๆผมตอบก่อนจะเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆคนรัก ผมชื่อซี เป็นสามีของเรนลูกชายคุณ ผมจะดูแลลูกชายของคุณไม่ให้เจ็บไข้ได้ป่วย ฉะนั้นอย่าได้เป็นห่วงเลยนะครับ หลับให้สบาย อ้อ แล้วก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
แค่นี้?
ครับแค่นี้ผมยิ้มกรุ่มกริ่มตอบ หรือที่รักอยากจะให้ผมพูดมากกว่านี้ล่ะครับ
ไม่ล่ะครับ แฮะๆ
แล้วก็ถึงตาของน้องบอย ซึ่งมันแนะนำตัวได้เก๋ไก๋มาก เก๋ไก๋จนน้องรินถึงกับตบหัวด้วยความหมั่นไส้ ‘ผมเป็นผัวของรินลูกชายคุณ ผมจะดูแลลูกคุณเป็นอย่างดี อ้อ ไม่ต้องเข้าฝันขอบคุณผมนะครับ เพราะผมไม่ชอบ แต่ถ้าเข้าฝันมาบอกหวยยังพอว่า’
นี่แหละครับที่สมควรโดนตบ

หลังจากกราบไหว้คุณพ่อคุณแม่เสร็จพวกผมก็ขึ้นรถเตรียมไปว่ายน้ำที่ทะเลต่อครับ ขากลับแมวดำที่น่าจะไปตามวิถีชีวิตของมันไป แต่มันกลับเดินตามพวกผมต้อยๆไม่ห่างจนรินเห็นแล้วอ้อนพวกผมว่าจะขอมันกลับไปเลี้ยงที่บ้าน
“ไม่ได้นะริน มันเป็นแมวป่า” ผมบอกก่อนจะตามด้วยเหตุผล “แล้วอีกอย่างพวกเราสองคนแพ้ขนสัตว์ ขืนเอามาไว้ในรถด้วย เดี๋ยวก็ได้เข้าโรงพยาบาลแทนที่จะได้ไปว่ายน้ำหรอก”
“แต่รินอยากได้”
“รินอย่างอแง” ผมพูดเสียงดุใส่ก่อนจะหันไปทางไอ้บอย “บอยมาช่วยพูดหน่อยสิ”
“อืมได้”
สรุปกว่าบอยจะพูดกล่อมไม่ให้รินเอาแมวไปได้ก็นานพอสมควร แต่ตอนขึ้นรถผมเห็นแมวดำคล้ายจะยืนส่งพวกเรา พอรถออกตัว ผมหันไปมองมันอีกที แมวดำตัวนั้นก็หายไปแล้วครับ

โอ้ทะเลแสนงาม
ฟ้าสีครามสดใส
มองเห็นเรือใบ
แล่นอยู่ในทะเล
ตอนนี้พวกผมอยู่ชายหาดทะเลแล้วครับ พอมาถึงบอยก็ปูเสื่อลงบนหาดทราย ตามด้วยผมที่ขนปิ่นโตออกมาจากรถ (มีพี่ซีกับรินคอยช่วยหอบปิ่นโตออกมาด้วยครับ)
เรน รินขอไปเล่นน้ำทะเลก่อนนะ
ไม่ได้ ต้องทานข้าวก่อน นี่กลางวันแล้ว ไม่ทานเดี๋ยวก็เป็นลมหรอกผมบอก ซึ่งรินก็ยอมมานั่งลงทานข้าวแต่โดยดีครับ แล้วพวกผมก็นั่งทานด้วยกันไปคุยไปอย่างสนุกสนานดีหรอกนะครับ ถ้าไม่มีกลุ่มสาวๆใส่ชุดว่ายน้ำทูพีชมาขอถ่ายรูปพี่ซีกับไอ้บอยนะ
มาถ่ายรูปด้วยกันนะคะไม่เพียงเอ่ยปากขอ ยังเอาหน้าอกไปเบียดแขนพี่ซีจนผมได้แต่ส่ายหน้าไปมา ไม่ไหวครับ ผู้หญิงสมัยนี้ ไม่รู้จะแรงไปถึงไหนกัน ส่วนทางด้านบอยก็โดนเหมือนกับพี่ซีครับ
ขอโทษครับ พวกผมกำลังทานข้าวอยู่พี่ซีพูดปฏิเสธเสียงเรียบ
นะคะ ถ่ายรูปกันหน่อย ข้าวนะค่อยทานทีหลังก็ได้ อยู่ๆสาวคนนั้นก็หันมาทางผมกับรินครับ เดี๋ยวพี่ขอตัวพี่ชายพวกเธอไปถ่ายรูปด้วยคงไม่ว่ากันนะจ้ะ
พี่ชายหรือ?
พี่ซียังพอว่า เพราะดูเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่กับบอยมันไม่ใช่เลย เอ้ย ประเด็นมันไม่ใช่ตรงนั้น พี่สาวครับ พวกเขาไม่ใช่พี่ชายผม แต่เป็นสามีของพวกผมครับ
อันนี้แล้วแต่เขาครับ ผมไม่เกี่ยวผมตอบเสียงห้วน ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินหนีออกมาจากตรงนั้นเลยครับ ไม่ไหวแล้ว ทนดูไม่ไหว ยัยนั่นก็เบียดผัวผมได้ดีจังนะ ส่วนพี่ซีก็นั่งเฉยให้ยัยนั่นเอาหน้าอกเบียดอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่ารินทนดูไอ้บอยโดนพวกผู้หญิงมาเกาะแกะได้ยังไงครับ ผมเดินออกมาได้ซักพักก็โดนมือหนาสวมกอดเอวเอาไว้ ทำเอาผมที่กำลังจะก้าวเท้าเดินหน้าถึงกับหยุดชะงักครับ
หึงพี่เหรอครับที่รัก
หึงบ้าอะไรพี่ ผมเปล่าผมพูดไปดิ้นไปพลาง ปล่อยผมสิ บอกให้ปล่อยไง
ไม่ปล่อยครับ ขืนปล่อยเดี๋ยวคนหึงจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่
ผมไม่ได้…”
หึง ที่รักกำลังหึงผมครับพี่ซีก้มหน้าพูดเสียงกระซิบที่ข้างหูผม ที่ผมอยู่เฉยให้พวกผู้หญิงกอดแขนก็เพราะอยากจะรู้ว่าคุณจะทำยังไงต่อ แต่ไม่คิดว่าคุณจะเดินหนีออกมานะครับที่รัก หึๆ ผิดกับน้องชายของคุณลิบลับเลย
ผิดยังไง รินไปทำอะไรงั้นเหรอครับพี่ซีผมถามกลับด้วยความสงสัย
หึๆ รายนั้นก็แย่งบอยกลับมาจูบต่อหน้าต่อตาแล้วบอกพวกผู้หญิงไปว่าเขาเป็นผัวตัวเองสิครับ
โอ้แม่เจ้า รินกล้าทำแบบนั้นได้ไงเนี่ย!
แล้วพี่เดินออกมาแบบนี้พวกผู้หญิงก็อดถ่ายรูปพี่ซีสิครับงอนครับงอน รู้อยู่ว่าพี่ซีแกล้งผม แต่ผมไม่ชอบให้ใครมาเกาะแกะพี่ซีนี่ครับ
ฟอด!
พี่ซี!!” ผมร้องเสียงแหววเมื่อถูกร่างหนาหอมแก้มอย่างแรง
อดถ่ายก็อดไปสิครับ พี่ไม่ได้อยากถ่ายรูปกับเขาด้วยนี่พี่ซีตอบ ก่อนจะสวมกอดผมแน่นขึ้น คนที่พี่อยากจะถ่ายรูปด้วยก็คือคุณคนเดียวนะครับที่รัก
เดี๋ยวพวกเขาก็ตามมาอยู่ดีนั่นแหละ
ไม่ตามครับ เพราะพี่บอกพวกเขาไปแล้วว่าพี่ไม่ถ่ายรูป จะถ่ายกับเมียคนเดียว
!!!!!
พวกเขาก็สงสัยพี่นะครับว่าเมียของพี่เป็นใคร พี่ก็เลยตอบไปว่า เมียของพี่ก็คือคนที่ลุกขึ้นเดินหนีไปเมื่อครู่นี้
!!!!!
“แต่ตอนนี้พี่ไม่อยากถ่ายรูปที่รักแล้ว อยากจะอุ้มเมียลงทะเลมากกว่า หึๆ”
!!!!!

“อย่าเดินหนีกูสิครับเจ้าหญิงน้อย”
“ไม่” ผมตอบเสียงแข็งพลางก้าวเท้าเดินหนีมันครับ ทีแรกผมตั้งใจจูบโชว์ยัยพวกนั้นให้รู้ว่าใครเป็นเจ้าของไอ้บอยกันแน่ แต่ไปมาผมกลับถูกมันจูบแบบดีพลึกเสียจนพวกผู้หญิงหน้าแดงกันไปทั้งแถว “เพราะมึงคนเดียวไอ้บอย ฮึ่มๆ”
“ก็แล้วใครกันล่ะที่เริ่มก่อนครับเมีย หึๆ อย่างอนเลยน่า ดูอย่างเรนกับพี่ซีสิ พวกเขายังไม่อายเลย” ผมได้ยินที่บอยพูดก็หันไปมองตามที่มันชี้ ก่อนจะเห็นพี่ซีกำลังอุ้มเรนที่กอดคอคนรักพาวิ่งลงทะเลกรีดเสียงร้องอย่างสนุกสนานแบบไม่อายใคร
กรี๊ดดด!!”
ฮะ…ฮะ…ฮะ!”
เอ่อ พี่ซี เรน เล่นสนุกกันแบบนี้เลยเหรอครับ
หมับ!
ฮะ…เฮ้ย?!” ผมร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆก็โดนไอ้บอยอุ้มครับ ไอ้ผมตกใจกลัวจะตกก็เลยคว้าคอมันแน่นเลย มึงจะทำอะไรกูไอ้บอย
มันทำหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์จนผมมองแล้วรู้สึกเสียววูบอย่างบอกไม่ถูก
ก็จะทำแบบเดียวกับพี่ซียังไงล่ะหึๆ
อ้ากกกกไม่นะไอ้บอยยยย!!!”
ผมขอจบการเล่าเรื่องแต่เพียงเท่านี้นะครับ เพราะโดนไอ้บอยอุ้มวิ่งลงน้ำทะเลเหมือนพวกพี่ซีแล้ว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น